SET BULL RUN งานวิ่งมินิมาราธอนเท้าเปล่าครั้งแรก |
หลังปี 2013 เราวิ่งน้อยลง อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ทิ้งการวิ่งเท้าเปล่า ถ้าจะพูดให้ถูก การวิ่งเท้าเปล่าทำให้เราออกไปวิ่งได้ในวันที่โคตรขี้เกียจ เพราะมันเบาสบายทั้งร่างกายและจิตใจ ในส่วนของร่างกายนั้นก็แน่อยู่แล้ว การวิ่งเท้าเปล่าเราจะไม่ต้องยัดเท้าเข้าไปอบๆ อับๆ อยู่ในรองเท้า ได้เอาเท้าสัมผัสพื้นถนนและพื้นสนามแบบที่ชีวิตปกติไม่เคยได้ทำ ได้รู้สึกอย่างเต็มที่ว่าเท้ากำลังอยู่ในท่าทางแบบไหน เท้ากำลังทำอะไรอยู่ แม้จะไม่ถึงขนาด "รู้สึกกลับเป็นเด็กอีกครั้ง" (เพราะตอนเด็กก็ไม่เคยวิ่งเท้าเปล่าอยู่ดี ^ ^) แต่ก็สบายและสนุกทุกครั้ง
สำหรับส่วนของจิตใจ พอไม่ต้องใส่ถุงเท้า รองเท้า ไม่ต้องเตรียมรองเท้าแตะไปเปลี่ยนหลังวิ่งเสร็จ ก็ทำให้พิธีกรรมก่อนวิ่งสั้นลง โอกาสที่จะโยกโย้ไม่ยอมไปวิ่งก็น้อยลง แค่เปลี่ยนชุดแล้วใส่รองเท้าแตะ ตัดใจเดินไปให้ถึงสนามก็ได้วิ่งแล้ว
ไมเลจเท้าเปล่าตั้งแต่กรกฎา 2013 |
จะเห็นว่าไมเลจของการวิ่งเท้าเปล่าของเราไม่เยอะเลย ก่อนปี 2016 เดือนนึงเราจะวิ่งซักครั้งสองครั้ง และวิ่งครั้งละไม่เกิน 5-6 กม. เพราะปัญหาวิ่งแล้วเท้าพองอย่างที่บอกไปแล้ว ถ้าวิ่งช้ามากๆ ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าวิ่งเร็วกว่าเพซ 7 ก็จะเริ่มพองในกม.ท้ายๆ
ตั้งแต่ปลายปี 2015 เราพยายามวิ่งเท้าเปล่าให้สม่ำเสมอขึ้นตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด ที่บอกว่านักวิ่งควรจะมีรองเท้าวิ่งหลายแบบหลายยี่ห้อ (รวมทั้งยี่ห้อ "เท้าเปล่า" ด้วย) เพราะรองเท้าแต่ละคู่ก็บังคับให้เราลงเท้าต่างกัน แม้บางครั้งเราจะไม่สังเกตเห็นความแตกต่างก็ตาม การที่ต้องลงเท้าในตำแหน่งเดิมซ้ำกันเป็นหมื่นๆ ครั้ง จะทำให้เกิดความบาดเจ็บสะสมได้ ...เมื่อได้วิ่งเท้าเปล่าบ่อยขึ้น (สัปดาห์ละครั้ง) ความเข้าใจก็ตามมา
เราเริ่มสังเกตได้ว่าอาการเท้าพองเกิดเพราะเราถีบพื้นในจังหวะส่งตัว (ซึ่งถ้าใส่รองเท้าจะไม่มีปัญหา เราเลยวิ่งแบบนี้มาตลอด) วิธีแก้คือ ไม่ถีบแต่ใช้กล้ามเนื้อหน้าขาในการยกเท้าขึ้นจากพื้นแทน เมื่อเปลี่ยนโฟกัส ท่าวิ่งจะเปลี่ยนไปเอง นั่นคือการลงเท้าจะกลายเป็นแบบเต็มเท้า และการแกว่งแขน จะต้องแกว่งไปข้างหลังมากขึ้น เพื่อให้สมดุลกับการยกต้นขาให้ตัวเอนมาข้างหน้า ... เราก็ไม่รู้ว่าแบบนี้คือถูกต้องมั้ย แต่ผลก็คือ มีอยู่วันนึงเราวิ่งเท้าเปล่าเกือบ 8 กม. ได้โดยเท้าไม่พองเลย!! ฝึกจนมั่นใจว่าทางนี้แหละใช่แน่ๆ ก็ได้เวลาลงสนามมินิมาราธอนเท้าเปล่าครั้งแรกเสียที ^ ^
วิ่งตาม pacer 70 นาที โป่งฟ้า |
เราเลือกงาน SET BULL RUN ของตลาดหลักทรัพย์ที่วิ่งเส้นรัชดา ตรงยาวๆ เพราะเห็นแล้วว่าถนนเป็นลาดยางทั้งเส้น และน่าจะเรียบเนียน ปลอดจากเศษแก้ว และเพื่อไม่ให้ตัวเองห้าววิ่งเร็วเกินไป ในการวิ่งครั้งแรกนี้ขอตาม pacer 70 นาที (หมายถึงถ้าวิ่งตามทีมนี้ คุณจะเข้าเส้นชัยในเวลา 70 นาที) ไปเรื่อยๆ ดีกว่าเข้าเส้นชัยแบบเขย่งเก็งกอยเพราะหนังเท้าถลอกกลางทาง
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ถนนเรียบเนียน 90% จะมีหวาดเสียวตอนกลับตัวตรงตีนสะพานข้ามแยก ที่มีฝุ่นดินทรายปนอยู่กับเศษอะไรแตกๆ ที่ identify ไม่ได้แค่นั้น (นี่คือรีวิวพื้นถนน ที่จะพบได้ในรีวิวของนักวิ่งเท้าเปล่าเท่านั้น 555+) เราวิ่งตาม pacer มาจนถึงประมาณ กม. 8 ก็สวัสดีทีมงาน ขอเร่งให้สนุก 2 กม.สุดท้าย เข้าเส้นชัยด้วย chip time 1:07:22 ชม.ระยะทางการ 10.3 กม. เพซเฉลี่ยประมาณ 6:30 นาที/กม.
https://www.endomondo.com/users/862998/workouts/678956499 |
อ้อ...รีวิวงานวิ่งนิดนึง เป็นงานที่เลิศเลอเฟอร์เฟ็กต์มาก แต่ที่ชอบเป็นพิเศษ 2 อย่างคือ ถ้วยรางวัลเป็นกระทิงนั่งไขว่ห้างกอดอก น่ารักโพดๆ อยากได้ และข้าวไข่เจียวที่แจกใช้จานและช้อนกระดาษ (ใช่!! ช้อนกระดาษ!!) ถ้าจัดอีกก็มาอีก แต่คงต้องเฝ้าหน้าจอกันเลยทีเดียว สมัยนี้งานวิ่งที่สมัครออนไลน์เต็มไวเฟร่อ
ตอนนี้วิ่ง เพจเต่าๆ ซอยขาเยอะๆ ได้ที่ 8 กิโลกลังจากนั้นหมดแรงครับ... ปล. นน 96 กืโล
ReplyDeleteดีเลยค่ะ ซอยขาถี่จะประหยัดแรงกล้ามเนื้อ โอกาส over-stride ก็แทบไม่มี
Deleteเคยเห็น อ.โยชิโนะวิ่ง ซอยถี่ยังกะนินจาเลย
แต่โดยทั่วไปรอบขาถี่จะดึงให้หัวใจเต้นเร็วไปด้วย
เลยต้องฝึกวิ่งช้าๆโซน 2-3 เพื่อให้หัวใจค่อยๆ แข็งแรงขึ้น