คลิกที่รูปเพื่อขยาย |
ผลการฝึกซ้อม: ไม่ได้ซ้อม อยากฟื้นสภาพให้เพียงพอเพราะเมื่อวานวิ่ง 42 กม.มา
=====================================
วันอังคารที่ 7 เมษายน 2558: วิ่งฟื้นสภาพ 45 นาที คุม HR ในช่วง 148-162 bpm
ผลการฝึกซ้อม: เวลา 47 นาที//ระยะทาง 6:63 กม.//ความเร็ว 7:08 นาที/กม.//หัวใจเฉลี่ย 153
วิ่งเท้าเปล่าประมาณ 30 นาทีหลัง เป็นระยะประมาณ 4.22 กม. การวิ่งเท้าเปล่าทำให้แน่ใจว่าจะไม่ซิ่ง ^ ^
===================================
วันพุธที่ 8 เมษายน 2558: วอร์มอัพ 10 นาที//(วิ่ง@168-175 bpm เวลา 5 นาที คั่นด้วยจ็อก 1:30 นาที)* 4 เที่ยว//คูลดาวน์ 5-10 นาที
ผลการฝึกซ้อม: วอร์มอัพ 10 นาที//interval 4 เที่ยว //คูลดาวน์ 6 นาที รวมระยะทางทั้งหมด 6:30 กม.
เที่ยวแรกยังอยู่ในเป้าหมาย เพราะมีเด็กผู้ชายคนนึงมาวิ่งประกบ สงสัยนึกว่าเราจะแข่งด้วย ไอ้บ้าเอ๊ย!! ข้าซ้อมอยู่เฟ้ย เป็นหนุ่มเป็นแน่นเอาชนะป้าได้นี่ภูมิใจมากใช่มะ!! (บันทึกหลังซ้อมเสร็จหมาดๆ เลยยังอินอยู่ 555+) เที่ยวที่สองเด็กนั่นสูบแตก หยุดวิ่งไปแระ เลยลดความเร็วลงมาหัวใจเริ่มปริ่มๆอยู่ที่ 168 bpm พอเที่ยว 3-4 ก็นึกว่าหัวใจจะถึงเป้าหมาย เพราะเหนื่อยระดับหายใจจังหวะ 2-2 ตลอดทางเหมือนที่ผ่านมา แต่เมื่อมาดูผลจึงพบว่าได้แค่ 166-167 เท่านั้น ^ ^" แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะแปลว่าเริ่มฟิตขึ้นละ
เพซของแต่ละเที่ยวคือ 5:14//5:27//5:52(จ็อกเกินเวลาเพราะไม่ได้ยินเสียงเตือน)//5:47 เต่ามากกกก ความเร็วหายหมดแย้วววว >*< สู้ต่อไป
อยู่ในโซนแค่ 5 นาทีจากเป้าหมาย 20 นาที
==================================วันพฤหัสที่ 9 เมษายน 2558: Recovery Run หรือ Cross Training 30 นาที
ผลการฝึกซ้อม: เลือก Cross Training อย่างไม่ต้องคิดเพราะอยากลดภาระของกล้ามเนื้อวิ่งเสียบ้าง เลือกปั่นจักรยานในยิม ที่ความหนืดระดับ 4 เวลา 30 นาที รอบขาค่อยๆขึ้น ช่วงปลายอยู่ที่ 85 rpm หัวใจไปไม่ถึงโซนแอโรบิค แต่ปั่นแค่นี้ก็หัวสั่นหัวคลอนละ ดีนะที่ใส่กางเกงจักรยานแบบเสริมก้น ไม่งั้นตูดระบมแน่ ได้ระยะทาง 12.5 กม. ความเร็วเฉลี่ย 24.9 กม./ชม.
วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2558: พัก
==================================
วันเสาร์ที่ 11 เมษายน 2558: วอร์มอัพ 10 นาที//(วิ่ง@168-175 bpm เวลา 5 นาที คั่นด้วยจ็อก 2:00 นาที)* 4 เที่ยว//คูลดาวน์ 5-10 นาที ถ้าเป็นไปได้ ให้วิ่งขึ้นเนิน
ผลการฝึกซ้อม: วอร์มอัพ 10 นาที//interval 2 เที่ยวกับอีกแป๊บนึง แล้ววิ่งสบายๆจนครบ 5 นาที//คูลดาวน์ด้วยการปั่นจักรยาน 13 นาที รวมระยะทางวิ่งทั้งหมด 3:88 กม.
วิ่ง treadmill ในยิมเพื่อให้สามารถปรับความชันจำลองการขึ้นเนิน ยังไม่รู้ว่าควรปรับความชันเท่าไหร่ดีก็เลยดูความชันของเขาพระตำหนัก พัทยา ที่เคยหาไว้ เที่ยวแรกเลยตั้งไว้ 5% ความเร็ว 10 kph (เทียบได้กับเพซ 6) วิ่งๆไปหัวใจขึ้นมาแค่ 158 เลยปรับเป็น 6% หัวใจก็ขึ้นมาสูงสุดที่ 164 เท่านั้น เที่ยวที่สองเลยปรับความชันเป็น 7%
เส้นทางวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอน Pattaya Marathon 2013 |
เวลาที่เหลืออีก 4 นาทีเลยปรับความชันลงมาเป็น 1% รู้สึกสวรรค์มาก ขาเบา ลื่นปรี๊ด...เห็นคุณค่าของการฝึกวิ่งขึ้นเนินขึ้นมาทันที ถ้าทำได้ เราคงแกร่งขึ้นอีกมากกกเลย จบเที่ยว 3 ก็พอเลย เพราะมีคนรอต่อคิว treadmill อยู่ เลือกคูลดาวน์ด้วยการปั่นแทน เพื่อให้ได้ใช้ Quad อย่างต่อเนื่อง
อยู่ในโซน 2:37 นาทีจากเป้าหมาย 20 นาที
วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2558: วิ่งยาว 1 ชั่วโมง 30 นาที HR ในช่วง 148-162 bpm
ผลการฝึกซ้อม: วิ่ง 1:37 ชม. ระยะทาง 14 กม. ความเร็วเฉลี่ย 6:57 นาที/กม.
เช้าวันเสาร์ตื่นมาพร้อมอาการเจ็บคอ และเหนื่อยหอบนิดๆ ซึ่งเป็นอาการนำทุกครั้งที่จะไม่สบาย วันอาทิตย์ก็ยังทรงๆ เลยยังไม่กล้าซ้อม เพราะเคยได้ยินพี่จุ๋งเล่าว่า ถ้าเริ่มป่วยแล้วไปวิ่งจะป่วยหนักขึ้น แต่ถ้าใกล้หายแล้วไปวิ่งจะหายเร็วขึ้น เช้าวันจันทร์รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย (ซึ่งแปลก เพราะปกติวันที่ 2-3 จะต้องหนักขึ้นๆ) ก็เลยลงไปจัดซ้าาา เอาเท่าตารางพอ ไม่อยากห้าวมาก
วิ่งบน treadmill ปรับความชัน 3% แบบว่าอยากลื่นปรื๊ดเวลาวิ่งทางราบ ค่อยๆปรับความเร็วเพิ่มจนหัวใจอยู่ในในโซน 148 ขึ้นไป สุดท้ายจบที่ความเร็ว 9.2 Kph หรือประมาณ 6:30 นาที/กม. ไม่ค่อยรู้สึกเมื่อยหน้าขาเท่าไหร่เลย คราวหน้าปรับเพิ่มเป็น 3.5% ดีกว่า
วิ่งเสร็จนาฬิกา TomTom เตือนว่า 1-minute recovery heart rate ของเราอยู่ในระดับ Poor (19 bpm) วันอังคารดูอีกที ถ้า poor อีกคงต้องพักก่อน
================================
ระยะทางสะสม 30.82 กม.
คะแนนการฝึกซ้อม 4/6 (วิธีให้คะแนน คิดตามวันที่มีซ้อม ถ้าทำได้ตามตาราง = 1, ทำได้บางส่วน = 0.5, ไม่ทำเลย = 0 // สัปดาห์นี้ทำได้ตามตาราง 3 วัน ทำได้บางส่วน 2 วัน ไม่ทำเลย 1 วัน)
บทเรียน
1) ถึงจะรู้สึกเหนื่อยโคตรๆ แต่หัวใจก็อาจไม่ถึง 168 ก็ได้ ต้องดูนาฬิกาด้วยจะได้ไม่เหนื่อยฟรี
2) การมีคนมาแข่งด้วยตอนลงคอร์ตเป็นเรื่องดี ดังนั้น จงหาโจทก์ในสนามซะ 555+
3) ลงคอร์ทขึ้นเขาครั้งหน้า จัดไป grade 6.5% speed 10 หัวใจจะได้ไม่กระฉูดเกินไป
4) วิ่งสบาย/วิ่ง recovery บน treadmill ครั้งหน้า จัดไป grade 3.5% speed 9.2 ขึ้นไป
5) ตั้งแต่กลับมาทำงานตอนกลางเดือนกุมภา ป่วยไป 2 รอบแล้ว...มันไม่ใช่แล้วอะกิ๊บ!! ต้องดูแลตัวเองให้ดีขึ้น ที่จะทำคือ กินวิตามินซี กับ ล้างมือบ่อยๆ
โพสต์ที่เกี่ยวข้อง
ทดสอบความฟิตด้วย recovery heart rate
เกาะติดในฐานะแฟนประจำ อิอิ
ReplyDeleteที่เริ่มไม่สบายในสัปดาห์นี้ อาจเป็นผลจากมาราธอนสัปดาห์ก่อนได้ไหมครับ
แต่มาช่วยยืนยันได้ครับว่า ถ้าพักไม่พอ ไม่หายไข้ดี นี่เรื้อรังได้เป็นเดือนๆเลยนะครับ
เพราะตัวผมตอนนี้ก็ออดๆแอดๆ ซ้อมได้วันเว้นวัน ตารางตามใจฉันเหมือนกัน แต่ถ้าวันไหนไม่พร้อมก็จะรีบหยุดเลยครับ เข็ดจริงๆ
ขอบคุณมากค่ะ ดีใจๆๆๆ มีคนตามอ่านบันทึกการฝึกซ้อมของเรา
Deleteทำให้ไม่กล้าอู้ เพราะมีคนดูอยู่ ^____^
ก็เป็นไปได้นะคะ ไม่รู้ว่าเชื้อต้องฟักตัวนานแค่ไหน
ถ้าได้รับตอนวันอาทิตย์ จะมาออกอาการวันเสาร์ได้มั้ย
แต่ถ้าในแง่ว่าร่างกายบอบช้ำมั้ย บอกได้เลยว่าไม่
เพราะเคยวิ่งยาวแบบบอบช้ำมาแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้นนี้ต้องขเยกลงบันได แบบอาม่าเลยค่ะ
คุณหนุ่ยศักดิ์ (หรือนุ้ยศักดิ์) ซ้อมไปพัทยาหรือเปล่าคะ
ไปกันมั้ยๆๆ เวลามีจุดหมายเดียวกัน มันฮึกเหิมดีน้าาาา ^ ^
ถ้างั้นสมัครเป็นแฟนคลับอย่างเป็นทางการตรงนี้เลยนะครับ 555
Deleteเรื่องระยะฟักตัวของไวรัสนี่ ภายใน1 อาทิตย์ก็น่าจะได้นะครับ. แต่ผมหมายถึงว่า หลังออกกำลังกายหนักๆ immune ของเรามันจะลดลงได้อะครับ. เคยอ่านมาจากที่ไหนซักแห่งแต่จำwebไม่ได้แล้วครับ แบบมีการศึกษาทดลองเปรียบเทียบเลยนะครับ
ยินดีที่สุดเลยค่ะ ^_____^
Deleteอ่อๆๆ เคยได้ยินรุ่นพี่แนวหน้าว่าไว้เหมือนกันค่ะ
อย่างงี้นี่เอง หลายคนพอมาวิ่งแล้วเลยกลายเป็นคนดูแลสุขภาพในด้านอื่นๆไปโดยปริยาย
เราเองยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ต่อไปก็ไม่แน่ ^ ^
เยี่ยมอีกครั้งครับ เพราะผ่านวิ่งระยะไกลๆมายังมีแรงมาซ้อมได้ ถ้าปกติโโยทั่วไปก็จะเป็นวีคพักฟื้นหลังจากวิ่งมาราธอนมา แสดงว่ายังฟิตอยู่ครับ
ReplyDeleteน่าลองนะคะ เดินๆวิ่งๆให้ไกลกว่าระยะวิ่งยาว ร่างกายไม่บอบช้ำ แต่หัวใจยังค้างอยู่โซน 2 หรือ 3 ได้นาน อย่างงี้เรียกว่าได้กำไรค่ะ ;)
Delete