6 อาทิตย์ที่ผ่านมา เราข้องใจอยู่ลึกๆมาโดยตลอดว่าโปรแกรมฝึกซ้อมของ SmartCoach ที่กำลังก้มหน้าก้มตาฝึกอย่างไม่ขาดตกบกพร่องนั้น จะสามารถนำพาให้เราจบคอร์ส 15 สัปดาห์ได้ด้วย pace 5:47 ในการวิ่ง 21 กม. ได้จริงหรือ ในขณะที่สถิติล่าสุดของเราอยู่ที่ 5:52 เท่านั้น หนำซ้ำยังเป็นการวิ่งแค่ 11 กม. กว่าๆอีกต่างหาก การแข่งวันนี้เราจึงตื่นเต้นเป็นพิเศษ (จากที่ปกติก็ตื่นเต้นกับงานแข่งทุกครั้งอยู่แล้ว) อยากจะรู้ว่า หลังจากฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอมาเดือนกว่า เราจะสามารถทำสถิติดีขึ้นอย่างที่คาดหวังได้หรือไม่ เพราะถ้าคำตอบคือ"ได้" นอกจากจะดีใจแล้ว ยังทำให้เชื่อมั่น พร้อมที่จะฝึกต่อไปตามแผนโดยปราศจากวิจิกิจฉาอีกด้วย
คืนก่อนแข่ง เรานอนน้อยอีกตามเคย การนอนก่อนเที่ยงคืนเดิมทีก็เป็นเรื่องยากเย็นอยู่แล้ว ยิ่งตื่นเต้นอย่างนี้ กว่าจะหลับได้ก็เกือบตี 1 มารู้สึกตัวอีกทีตอน 4:15 อย่างงงๆ ว่าทำไมนาฬิกาที่ตั้งไว้สเต็ปแรกตอนตี 4 ถึงไม่ยอมปลุก รีบลุกขึ้นมาหาอะไรกิน กว่าจะได้ออกไปรอแท็กซี่ก็ตี 5 นิดๆแล้ว ขณะรอแท็กซี่จู่ๆฝนก็ตกลงมา ใจหายวาบว่าจะไปแข่งไม่ทัน โชคดีที่ฝนตกไม่ทั่วฟ้า พอขับข้ามสะพานพระราม 7 ฝนก็หยุดตกแล้ว
เรามาถึงบริเวณงานตอน 5:35 พี่ยามกันไม่ให้รถเข้า ต้องวิ่งไปเองอีกเกือบกิโล ก็ดีเหมือนกันถือเป็นการวอร์มอัพไปในตัว เพิ่งเคยสมัครหน้างานแบบฉุกละหุกอย่างนี้เป็นครั้งแรก ไม่ต้องเขียนช่งเขียนชื่ออะไรกันแล้ว จ่ายเงินแล้วรับเสื้อรับเบอร์โลด
วันนี้นักวิ่งมากันคึกคัก แนวหน้าทั้งหญิงชายมากันครบ (สงสัยจะมาเอา BB ^ ^ ) เส้นทางวิ่งแม้จะเป็นถนนคอนกรีตซึ่งไม่ค่อยเป็นมิตรกับนักวิ่งเท่าไหร่ แต่ก็ทดแทนได้ด้วยความปลอดภัย ความสวยงามเมื่อวิ่งเลียบสระ และเมื่อวิ่งผ่านหอประชุมสวยๆอะไรซักอย่าง ผู้จัดคงมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะให้ระยะทางเป็น 10.5 กม. ให้ได้ภายในสถานที่ที่มีระยะทางจำกัดเช่นนี้ ดังนั้นงานนี้เราจึงต้องกลับตัวตรงโน้นตรงนี้ถึง 3 จุด ได้เครื่องหมายผ่านจุดมา 3 อัน ถ้าเอามารัดข้อมือแบบที่ทำในงานอื่นคงได้แขนขาดเลือดกันไปข้างนึงแน่นอน อิอิ
หลังจากปล่อยตัวเราพยายามรักษาความเร็วให้อยู่ในระดับที่พอไหว แต่พอผ่านกม.แรก ด้วยความที่คนรอบข้างเร็วๆกันทั้งนั้นเราก็เลยขอซิงโครไนส์กับเค้าไปด้วย พอถึงจุดให้น้ำที่กม. 2 ก็แวะรับน้ำตามแผน เพราะหลังจากที่ฝึกวิ่งมาระยะหนึ่ง เราพบว่าสำหรับตัวเองแล้ว การแวะดื่มน้ำแม้จะทำให้เสียเวลาไปบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ข้อดีก็คือ นอกจากจะได้ดื่มน้ำชดเชยเหงื่อที่สูญเสียไปแล้ว การได้ผ่อนฝีเท้าคลายความเหนื่อยยังเหมือนเป็นการรีเซตตัวเองอีกด้วย คนเราถ้าเหนื่อยมากๆ อะไรมันก็ไม่เอาทั้งนั้น ที่เคยวางแผนไว้ว่าจะวิ่งแบบนั้นแบบนี้ก็เลิกหมด แต่ถ้าได้ผ่อนเสียบ้าง สติมันจะกลับมา เราจะจำได้ว่าเราตั้งใจอะไรเอาไว้ และจริงจังกับมันแค่ไหน เราใช้การพักทุก 2 กม. ตามจุดให้น้ำไปเรื่อยๆ ซึ่งงานนี้ผู้จัดทำได้ดี มีจุดบริการครบและตรงกับที่แจ้งไว้โบรชัวร์ แต่ต้องขอติว่าคนตักน้ำ 2 คนน้อยเกินไป ทำให้ในบางจุดนักวิ่งต้องเสียเวลารอน้ำโดยไม่จำเป็นไปหลายวินาที
หลังจากรับน้ำที่กม. 8 มีนักวิ่งหญิงคนนึงที่จำได้ว่าเธออยู่กลุ่มอายุเดียวกับเราและได้ถ้วยอยู่บ่อยๆ วิ่งแซงไป เราเลยวิ่งตามโดยพยายามรักษาระยะให้คงที่ แอบดีใจว่าแนวหน้าอยู่ใกล้แค่นี้เอง มีลุ้นวุ้ย ^ ^ พอถึง 100 เมตรสุดท้ายเราก็เรียกก๊อกพิเศษออกมา สปีดสุดชีวิตแซงเธอเข้าเส้นไป เย้!!...แต่...เหตุไฉนคนถือป้ายอันดับจึงหมางเมิน ไม่เหลียวแลเราเลย (แค่เราผมเผ้ากระเซิงยางมัดผมหลุดลุ่ย ปากเขียว เหงื่อท่วมตั้งแต่หัวจรดเท้าแค่นี้เอ๊ง 555+) แม้ไม่หวังมาก่อนแต่ก็แอบเสียดายนิดนึง มากระจ่างก็เมื่อได้ยินนักวิ่งท่านนั้นบ่นกับเพื่อนว่า "วันนี้วิ่งไม่ดี" เอิ๊ก เอิ๊ก
ขอขอบคุณภาพจาก www.patrunning.com
ป.ล. ไม่เชื่อก็ดูรูปจิ เราฝึกจนใกล้เคนย่าเข้าไปทุกทีแล้วนะ หมายถึงขนาดของแขนน่ะ T_T ยังกะคนเป็นโปลิโอเลย แง้ TT_TT
10K = 57m:00s
ต้องไปอาบแดดก่อนนะพี่ จะได้เหมือนเคนย่า
ReplyDeleteคาดว่า 1 พค. นี้คงได้อาบสมใจแน่ ^ ^
ReplyDeleteปล.คุณ rookiex โดนสาวแซวแล้ว กลับไปดูกระทู้ตัวเองด่วน