ข้อมูลการวิ่งของผู้เขียน
วิ่งมาแล้ว 2 ปี 7 เดือน สถิติเทียบกับนักวิ่งหญิงกลุ่มอายุเดียวกัน (30-39 ปี) ที่ใช้โปรแกรม endomondo ทั่วโลกจัดว่าเป็นนักวิ่งแนวกลาง
อุ้งเท้าเป็นแบบ Normal แต่การลงเท้าเป็น Over-pronation แบบปานกลาง ความกว้างหน้าเท้าปกติแต่มีภาวะหัวแม่เท้าเกออกด้านข้าง (Hallux Valgus) เล็กน้อย ท่าวิ่งลงน้ำหนักกลางเท้า ถ้าวิ่งเร็วจะเลื่อนไปลงน้ำหนักที่หน้าเท้า ถ้าวิ่งช้าหรือล้ามากๆจะลงน้ำหนักที่ส้นเท้า
*หมายเหตุ ผู้เขียนพยายามทดสอบ,ทำความคุ้นเคย, หาข้อมูล เพื่อให้เขียนรีวิวอย่างเป็นกลางและรอบด้านที่สุด อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นนักวิ่งแนวกลางและไม่ได้เป็นกูรูด้านรองเท้าวิ่ง การรีวิวต่อไปนี้จึงเป็นไปในลักษณะเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟังเท่านั้น หากมีความรู้สึกหรือความเข้าใจบางอย่างที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ อย่างไรก็ตาม หวังว่ารีวิวนี้คงช่วยประกอบการตัดสินใจให้เพื่อนๆได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
========================================================
ขั้นตอนการรีวิว จะสำรวจว่าผู้ผลิตอ้างสรรพคุณเช่นไร แล้วทดสอบสรรพคุณนั้น ไล่เรียงทีละหัวข้อ สำหรับ PureCadence2 ผู้ผลิตได้อ้างสรรพคุณไว้ 3 ข้อใหญ่ดังนี้คือ
1) การป้องกันข้อเท้าพลิกเข้า over-pronation
2) ความกระชับกับเท้า, ความเป็นอิสระของนิ้วเท้า และ
3) แรงสะท้อน, การออกแบบเพื่อให้นักวิ่งลงน้ำหนักที่หน้าเท้าหรือกลางเท้า
จากนั้นจะเพิ่มเติมผลการทดสอบหรือข้อมูลของคุณสมบัติอื่นๆ (ถ้ามี) และปิดท้ายด้วย Executive Summary
========================================================
1) การป้องกันข้อเท้าพลิกเข้า (over-pronation)
ก่อนหน้านี้เรามีรองเท้าซ้อมคู่หนึ่ง คือ Mizuno Wave Nexus ที่ออกแบบมาสำหรับคนที่มีการลงเท้าแบบ over-pronation (ข้อเท้าพลิกเข้าด้านในดังรูปขวามือ-ซึ่งมักเกิดกับผู้มีเท้าแบน) ปานกลาง สิ่งที่รู้สึกได้คือ พื้นรองเท้าด้านในจะนูนขึ้นมาในบริเวณอุ้งเท้า ดังนั้นข้อเท้าจะไม่สามารถพลิกเข้าได้ เพราะอุ้งเท้าโดนหนุนอยู่
แต่สำหรับ PureCadence2 จะป้องกันการพลิกด้วยการใช้พื้นรองเท้าที่มีความแข็งต่างกัน ที่เรียกว่า เทคโนโลยี PDRB แทน ดังรูปซ้ายมือ ผู้ใส่จะไม่รู้สึกถึงการเสริมอุ้งเท้าใดๆจากด้านในเลย
เราสามารถทดสอบประสิทธิภาพข้อนี้ได้โดยการวิ่งไกลระดับฮาล์ฟมาราธอน เพราะเมื่อใดก็ตาม ที่เราใส่รองเท้าแข่งทั่วไป ซึ่งไม่มีคุณสมบัติป้องกันข้อเท้าพลิก หลังแข่งฮาล์ฟมาราธอนเสร็จ จะมีอาการเจ็บข้อเท้าเล็กน้อย และ/หรือ เส้นเลือดฝอยบริเวณใต้ตาตุ่มด้านในแตก เสมอ
ผลการทดสอบ
หลังจากใส่ PureCadence2 วิ่งฮาล์ฟมาราธอนที่เวียงจันทน์ระยะ 21.3 กม.เสร็จ พบว่าเท้าปกติทุกประการ ไม่มีอาการใดๆที่ระบุมาข้างต้น ไม่ต่างจากที่ใส่ Mizuno Wave Nexus วิ่ง
หลังจากใส่ PureCadence2 วิ่งฮาล์ฟมาราธอนที่เวียงจันทน์ระยะ 21.3 กม.เสร็จ พบว่าเท้าปกติทุกประการ ไม่มีอาการใดๆที่ระบุมาข้างต้น ไม่ต่างจากที่ใส่ Mizuno Wave Nexus วิ่ง
สรุป PureCadence2 มีประสิทธิภาพป้องกันข้อเท้าพลิกเข้าได้จริง แม้จะไม่รู้สึกถึงการหนุนอุ้งเท้า
========================================================
2) ความกระชับกับเท้า, ความเป็นอิสระของนิ้วเท้า
PureCadence2 ให้ความสำคัญกับความกระชับกับเท้าตามปรัชญาของรองเท้า Minimalist โดยใส่เทคโนโลยีเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ถึง 3 ประการดังรูปคือ
1. Anatomical Last: ออกแบบให้ตัวรองเท้ามีลักษณะใกล้เคียงเท้ามากขึ้น นั่นคือมีส่วนที่ยาวที่สุดอยู่ตรงกับนิ้วโป้ง (ไม่ใช่นิ้วชี้ ) แล้วค่อยๆลาดลงมา จึงโอบกระชับเท้าได้ดีกว่า
2. Nav Band: มีแถบยางยืดโอบรอบช่วงกลางเท้า เพื่อให้เท้ากระชับกับรองเท้ายิ่งขึ้น และใช้ได้กับเท้าทุกแบบทุกขนาด
4. Toe Flex: พื้นรองเท้าช่วงใต้นิ้วโป้งแยกเป็นสองส่วน เพื่อให้นิ้วโป้งและนิ้วที่เหลือเป็นอิสระต่อกัน และเพื่อให้เกิดความสมดุลตามธรรมชาติ การใช้วัสดุที่ให้ตัวได้ทำให้การถีบเท้าส่งทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รองเท้ามีรูปร่างรีๆ แคบๆตามประสารองเท้าสไตล์ minimalist ดูน่าหวาดหวั่นต่อคนที่มีเท้าแบบข้าพเจ้ายิ่งนัก เพราะกระดูกโคนนิ้วโป้งจะปูดออกมาจนอาจเสียดสีและทำให้เจ็บได้ ถ้าทรงรองเท้าตรงส่วนของหน้าเท้าไม่กว้างพอ แบบที่เราเคยเป็น เมื่อใส่รองเท้า Nike Zoom Structure+14 วิ่งยาวเกิน 12 กม.
ผลการทดสอบ
- แม้เชือกผูกรองเท้าจะถูกออกแบบมาเหมือนไม่สามารถปรับความตึงได้ดีเท่าที่ควร แต่ข้างเท้าตลอดจนหลังเท้าก็ถูกโอบกระชับอย่างดียิ่ง จนกลัวว่าจะดีเกินไป
- รองเท้าไม่มีรูสุดท้ายหรือที่เพจกล้วยเรียกว่ารูปริศนา แต่เท้าก็ไม่มีปัญหาเลื่อนขึ้นลง ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะ Nav Band หรือไม่
- รองเท้าแคบทำให้นิ้วเท้าเคลื่อนไหวไม่ได้ Toe Flex ไม่ได้ทำให้รู้สึกแตกต่างแต่อย่างใด
- หลังจากใส่ PureCadence2 วิ่งฮาล์ฟมาราธอนเพื่อทดสอบว่ารองเท้าทรงรี ๆที่ทำให้นิ้วเท้าเคลื่อนไหวซ้ายขวาไม่ได้และกระชับข้างเท้าอย่างยิ่ง จะมีปัญหากับเท้าเราหรือไม่ ก็น่าดีใจที่ไม่พบปัญหาใดเลย (เหลือเชื่อ!!)
สรุป PureCadence2 สำหรับผู้หญิงมีทรงรีแคบและกระชับแต่ไม่ทำให้เกิดการเสียดสีใดๆ
========================================================
3) แรงสะท้อน, การออกแบบเพื่อให้นักวิ่งลงน้ำหนักที่หน้าเท้าหรือกลางเท้า
ในฐานะรองเท้าแข่ง PureCadence2 นำเสนอเทคโนโลยี 2 ประการเพื่อเพิ่มความเร็ว
3. BioMoGo DNA: พื้นรองเท้าชั้นกลาง (midsole) ทำจากวัสดุที่สามารถปรับการดูดซับแรงและสร้างแรงสะท้อนที่เหมาะสมสำหรับนักวิ่งแต่ละคน ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า DNA
5. Ideal Heel: ออกแบบส้นเท้าให้ส่วนที่สัมผัสพื้นเลื่อนไปข้างหน้าจากรองเท้าทั่วไป 3 เซนติเมตร เพื่อให้จุด cg ของนักวิ่งอยู่ในตำแหน่งที่มีประสิทธิภาพ เวลาในการแช่เท้าที่พื้นลดลง ช่วยเพิ่มความเร็ว
ผลการทดสอบ
ทดสอบวิ่งทั้งในถนนลาดยาง, ถนนคอนกรีต, ลู่วิ่งยางสังเคราะห์ และลู่วิ่งสายพาน ได้ข้อสรุปดังนี้
ทดสอบวิ่งทั้งในถนนลาดยาง, ถนนคอนกรีต, ลู่วิ่งยางสังเคราะห์ และลู่วิ่งสายพาน ได้ข้อสรุปดังนี้
- กรณีวิ่งลงน้ำหนักหน้าเท้า เช่นตอนซ้อมแบบ interval ซึ่งความเร็วสูงกว่าแข่ง 10K
รองเท้าจะมีแรงสะท้อนในจะหวะถีบเท้าส่งมากกว่ารองเท้าอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด ไม่แน่ใจว่าเกิดจากเทคโนโลยี DNA หรือเพราะพื้นรองเท้าทำจากยางแข็ง เด้งดี นอกจากนี้ศูนย์ถ่วงของรองเท้าทีแตกต่างจากรองเท้าอื่นยังทำให้เกิดการวิ่งที่ลื่นไหลไม่ติดส้น ไม่แช่เท้า โดยรวมทำให้ ”วิ่งเร็วได้เร็วขึ้น”
- กรณีวิ่งแบบลงน้ำหนักกลางเท้า เช่นวิ่ง 10K
แรกๆเมื่อยังไม่ชินจะรู้สึกหนักเหมือนเท้าโดนถ่วง ทั้งๆที่ PureCadence2 สำหรับเบอร์ 25.5มีน้ำหนักเพียง 218 กรัมเท่านั้น แต่เมื่อใส่วิ่งสัก 5 ครั้งและวิ่งยาวสักครั้งจะเริ่มชิน และทำความเร็วได้ดีขึ้นเล็กน้อยเพราะการ”เด้ง” ของพื้นรองเท้า
- กรณีวิ่งแบบลงน้ำหนักที่ส้น เช่นจ็อกกิ้ง หรือเมื่อวิ่งไกลจนล้า
รู้สึกเหมือน PureCadence2 เป็นหินที่ถ่วงเท้าให้ยิ่งช้าและล้าเข้าไปใหญ่ ไม่ว่าจะใส่จนชินแค่ไหน ก็ยังเหมือนเดิม
- Ideal Heel ไม่ได้ทำให้ผู้ที่มีท่าวิ่งแบบ “ลงส้น” เลื่อนตำแหน่งการลงน้ำหนักมาข้างหน้าได้โดยอัตโนมัติ ใครมีธรรมชาติการวิ่งเช่นไร ก็ยังคงเป็นแบบนั้น
สรุป PureCadence2 เป็นรองเท้าที่เหมาะกับคนที่ลงน้ำหนักหน้าเท้าหรือกลางเท้าเท่านั้น ไม่เหมาะกับผู้ที่ลงน้ำหนักที่ส้นเท้าอย่างยิ่ง ยกเว้นคุณจะกำลังฝึกตัวเองเพื่อเปลี่ยนท่าวิ่ง
======================================================
ความเห็นเพิ่มเติม
- รองเท้าลื่นอย่างแรง บนถนนที่เปียกน้ำ
- อันนี้ไม่เกี่ยวกับประสิทธิภาพรองเท้า แต่อยากบอกว่าแอบให้คะแนนตามประสาน้องเนยรักษ์โลก กับเทคโนโลยี MOGO ที่ออกแบบพื้นรองเท้าชั้นกลางให้ย่อยสลายได้ทางชีวภาพหลังจากฝังกลบ ลดปริมาณขยะได้เร็วกว่าของยี่ห้ออื่น 50 เท่า แปะๆๆๆ /เสียงปรบมือ
======================================================
Executive Summary – บทสรุปสำหรับผู้จนเวลา
PureCadence2 เป็นรองเท้าแข่งสไตล์ minimalist ที่เหมาะกับคนที่ลงน้ำหนักด้วยหน้าเท้าหรือกลางเท้าเท่านั้น เพราะจะเกิดการวิ่งที่ลื่นไหลไม่ติดส้น และเกิดแรงส่งมากกว่ารองเท้าปกติ ทำให้วิ่งได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ anti-pronation สำหรับคนที่มีเท้าแบนหรือเท้าพลิกเข้าด้านใน โดยไม่ต้องใช้การเสริมอุ้งเท้า รูปทรงรองเท้าเพรียวกระชับแต่ไม่คับเกินจนเกิดการเสียดสีใดๆ
สำหรับผู้ที่วิ่งลงส้นเท้า ไม่แนะนำด้วยประการทั้งปวง (ยกเว้นคุณจะกำลังฝึกตัวเองเพื่อเปลี่ยนท่าวิ่ง) เพราะคุณจะรู้สึกเหมือนวิ่งลากโซ่แบบนิชคุณตอนก่อนชนกำแพงในหนังเรื่อง 42.195 ก็ไม่ปาน
บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง:
วิธีผูกเชือกรองเท้าวิ่ง สำหรับการบาดเจ็บที่เท้าแบบต่างๆ
สำหรับผู้ที่วิ่งลงส้นเท้า ไม่แนะนำด้วยประการทั้งปวง (ยกเว้นคุณจะกำลังฝึกตัวเองเพื่อเปลี่ยนท่าวิ่ง) เพราะคุณจะรู้สึกเหมือนวิ่งลากโซ่แบบนิชคุณตอนก่อนชนกำแพงในหนังเรื่อง 42.195 ก็ไม่ปาน
บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง:
วิธีผูกเชือกรองเท้าวิ่ง สำหรับการบาดเจ็บที่เท้าแบบต่างๆ
No comments:
Post a Comment
*************************************************************************************
ผักกาดๆ ถ้าข้อความไม่ขึ้น นั่นแปลว่า blog คิดว่าข้อความของท่านเป็น spam ไม่ต้องกังวลค่ะ comment เหล่านี้จะตกไปอยู่ที่กล่อง spam รอให้เจ้าของ blog มาตรวจสอบ (ก็คือเรานั่นเอง ^ ^)
*************************************************************************************