Friday, April 22, 2011

เจ็บ | 9 comments:

เราเคยเจ็บมาหนนึงแล้วตอนพยายามเปลี่ยนท่าวิ่งเป็น forefoot ด้วยความไม่รู้ว่าจะต้องฝึกกล้ามเนื้อร่วมด้วย ทำให้เราเจ็บไปทั้งขา ไล่ตั้งแต่ข้อเท้า หน้าแข้ง หลังขาอ่อน แต่ครั้งนั้นพักประมาณ 5 วันก็หาย เรากลับมาวิ่งท่าเดิม และเริ่มวิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มมีเจ็บเข่าบ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังฝืนวิ่งโดยเปลี่ยนท่าวิ่งให้เซฟเข่ามากขึ้น (แม้ท่าจะดูแย่ก็ตาม) อาการก็ค่อยๆทุเลาลงและหายไปในที่สุด อุตส่าห์โล่งใจว่าต่อไปคงวิ่งได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องความบาดเจ็บอีกแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมาเจ็บอีกครั้ง


การบาดเจ็บครั้งนี้เราก็ไม่รู้สาเหตุแน่ชัด เพราะไม่ได้ขาพลิก ไม่ได้หักโหมวิ่งไกลหรือเร็วกว่าปกติ ไม่ได้เปลี่ยนท่าวิ่งใดๆทั้งสิ้น อย่างเดียวที่ผิดแปลกไปคือเราเปลี่ยนรองเท้าวิ่งใหม่ในวันอาทิตย์ รองเท้าหน้าแคบบีบเท้าจนทำให้เราเจ็บและวิ่งไม่ครบระยะที่ตั้งใจไว้ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ใส่มันอีกเลย กลับไปใส่รองเท้าคู่เดิม วิ่งในที่เดิมๆ วันพุธเริ่มรู้สึกแปลกๆ พอวันพฤหัสเริ่มเจ็บ วันศุกร์เริ่มบวม วันเสาร์เดินลงน้ำหนักที่ขาขวาไม่ได้
บวมอยู่ 4 วันยังไม่ยุบวันจันทร์เลยตัดสินใจไปหาหมอที่รพ.ยันฮี ( เรามีสิทธิประกันสุขภาพอยู่ที่นั่น ) เราไปค่ำ หมอออร์โธปีดิกส์กลับบ้านแล้วเหลือแต่หมอศัลย์ หมอซักถามละเอียด ตั้งใจฟังเราเล่าดีมากๆ ตรวจดูทั้งข้อและน่อง (ถามด้วยว่าปกติน่องใหญ่อย่างงี้หรือเปล่า T_T เปล่าค่ะหมอ มันบวม ปกติเล็กกว่านี้นิดนึง TT_TT)  หมอคอมเมนต์ว่าไม่น่าจะเกิดจากรองเท้าใหม่แต่อย่างใด และให้ความเห็นว่าไม่แน่อาจเป็นอาการข้อหลวมเพราะมีประวัติเคยข้อเท้าบวมมาทีนึงแล้ว ยังไงพรุ่งนี้มาใหม่เพื่อพบหมอออร์โธดีกว่า แล้วก็ให้ยาทา ยากิน ผ้ายืด
เรากลับไปใหม่ในวันรุ่งขึ้น ได้พบหมอออร์โธซักที แต่หมอดูไม่สนใจเราเลย เราบอกว่าวิ่งมากเลยบวม หมอก็ไม่แม้แต่จะถามว่าข้อพลิกมาหรือเปล่า ดูแกเห็นเป็นเคสกะโหลกกะลา เหมือนหมออายุรกรรมเจอคนไข้น้ำมูกไหลเฉยๆยังไงอย่างงั้น จับๆกดๆข้อเท้าเราอยู่ 2-3 แหมะแค่นั้น ที่เจ็บปวดคือหมอถามว่า เมื่อวานก็มาแล้วนี่ วันนี้มาอีกทำไม  >_<  โอเคนะเดี๋ยวหมอสั่งยาให้ไปทาน เอ่อหมอคะ เมื่อวานหนูได้ยาไปแล้วค่ะ (นี่หมอดูประวัติการรักษาแน่แล้วเหรอคะ) ว่าแล้วเราก็หยิบยามากองๆให้ดู อ่อ...งั้นก็ตามนี้แหละ หมอไม่สั่งยาเพิ่มนะ แต่เดี๋ยวอาทิตย์หน้านัดมาดูอีกที (มาก็ได้ แต่หมอช่วยสนใจหนูมากกว่านี้ได้มั้ยคะ) เอ่อ...หมอคะ สรุปหนูเป็นอะไรอะคะ อืม...ก็คงเป็นเส้นเอ็นอักเสบนะ พัก 1-2 อาทิตย์ก็หาย พอทุเลาแล้วก็อย่าเพิ่งวิ่งเยอะ วิ่งวันละครึ่งกม.ก็พอ (ถ้าแค่นั้นหนูไม่วิ่งดีกว่าค่ะหมอ)
ไอ้ที่คิดไว้ว่าหมอจะคอนเซินเรื่องข้อหลวมเรื้อรัง จับเราเอกซเรย์โน่นนี่ให้มันเห็นดำเห็นแดงไปเลย ก็เป็นอันพับไป เราก็ไม่กล้าจะบอกว่าหมอศัลย์ให้ความเห็นไว้แบบนี้ กลัวแกจะเขม่นเพื่อนร่วมงานว่ารู้ดีเกินแกได้ไง (เราเป็นคนดีเกินไปมั้ยเนี่ย)
ขอบันทึกรายการยาไว้ ณ ที่นี้ และจะมาอัพเดทอาการว่าหลังจากกินยาตามนี้ เราหายหรือไม่และภายในกี่วัน

- MIRACID (Omeprazoie 20 mg) ลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร วันละ 1 เม็ดก่อนอาหารเช้า (กินกันไว้ก่อน เพราะยาตัวที่สองอาจระคายเคืองกระเพาะ)
- CELEBREX (Celecobix 200 mg) ยาแก้ปวด ลดอาการอักเสบ หลังอาหารเช้า,เย็น
- CORILAX (Paracetamol 400 mg, Orphenadrine citrate 35 mg) ยาแก้ปวด, คลายกล้ามเนื้อ (กินแล้วง่วงชะมัด) 3 เวลาหลังอาหาร


หลังจากกินยา 2 วัน เริ่มเดินลงน้ำหนักได้ตามปกติ แต่ข้อเท้ายังบวมอยู่
หลังกินยา 5 วัน ข้อเท้าที่บวมเริ่มยุบ จนเห็นได้ชัดว่าอันที่จริงจุดที่เกิดการบวมอยู่ใต้ตาตุ่มด้านใน
หลังกินยา 7 วัน ลองวิ่งเบาๆ 5 กม. ความเร็วประมาณ 8 นาที/กม. บนพื้นยางสังเคราะห์ ข้อเท้าไม่เจ็บและไม่บวมเพิ่ม แต่เข่ายืดไม่ค่อยได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยา Celebrex หรือเพราะเราไม่ได้ยืดเส้นหลายวัน
หลังกินยา 9 วันกลับไปให้หมอตรวจตามนัด หมอบอกว่าหายบวมแล้ว แต่ให้กินยาชุดเดิมอีก โดยลด Celebrex เหลือวันละครั้ง และจะไม่นัดเพิ่มแล้ว พอเปรยเรื่องที่เคยข้อเท้าบวมและยุบเองเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว หมอบอกว่าไม่ต้องห่วง ไม่ได้เป็นเก๊าท์หรอก (เค้าไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นซักหน่อย -_-") เราเลยถามว่าเป็นเพราะวิ่งมากใช่มั้ย หมอตอบว่าน่าจะเพราะวิ่งหักโหมไป (จริงด้วย แหะๆ) ที่คราวที่แล้วยุบเองเพราะเพิ่งเจ็บครั้งแรก ต่อไปให้พยายามใส่รองเท้าซัพพอร์ตดีๆ อย่าวิ่งพื้นแข็ง

ต่อไปคงต้องสังวรณ์ตัวเอง และอาจต้องเปลี่ยนมาวิ่งตอนเช้าเพื่อจะได้เห็นพื้นถนนชัดๆหน่อย วิ่งมืดๆกะระยะไม่ค่อยถูก ลงน้ำหนักผิดจนขากระเทือนหลายครั้ง ถ้าจำเป็นต้องวิ่งมืดก็จะไปวิ่งสนามยาง

9 comments:

  1. CORILAX นี่เคยกินอยู่

    แล้วเป็นไงบ้า่งครับตอนนี้ ดีขึ้นหรือยัง

    ReplyDelete
  2. บวมมาครบ 1 อาทิตย์...ยังไม่หาย
    เดินลงน้ำหนักขาขวาไม่ได้ 5 วัน...หายแล้ว

    สรุป เดินได้ปกติแล้ว เหลือบวมอย่างเดียว กดเจ็บนิดหน่อยค่ะ
    คงไปวิ่งอีกทีวันแข่งเลย 555+

    ReplyDelete
  3. ธวัชชัยApril 27, 2011 at 7:45 AM

    คอยติดตามผลงาน ครั้งต่อไปนะครับ

    ReplyDelete
  4. #K. ธวัชชัย
    ยินดีค่ะ จะเขียนไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดไฟเลยค่ะ ^ ^

    ReplyDelete
  5. ยินดีด้วยครับที่หายเป็นปกติ..จะรอติดตามผลงานต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ครับ ^_^

    ReplyDelete
  6. #K.Wichai
    หายไวกว่าที่คิดด้วยค่ะ ส่วนตัวเชื่อว่าเพราะไปหาหมอเร็ว กินยาถูกต้อง และช่วงที่เจ็บพยายามเดินให้น้อย อ้อ...พยายามกินปลาทูน่ากับปลาแซลมอนเยอะๆตามที่พี่ย้งแนะนำด้วยค่ะ(จริงๆกินแต่ทูน่าเพราะแซลม่อนแพง 555+)

    ยังไงก็อย่าลืมจ่ายค่าเน็ตนะคะ จะได้ไม่โดนตัด อยู่ติดตามผลงานกันนานๆ อิอิ

    ReplyDelete
  7. แวะมาแอบอ่านจ้า...
    เป็นกำลังใจให้นะครับ...ไม่ว่าจะวิ่งที่ไหน สู้ ๆ
    Run for life...

    Napat Maliwan เองจ้า

    ReplyDelete
  8. #เบิร์ด ขอบใจจ้า เราก็ follow blog ท่องเที่ยวของเบิร์ดอยู่ตลอดๆ้ เหมือนกัน
    แต่ไม่ update นานแล้วงิ หมดวัยเที่ยวแล้วเหรอ อิอิ

    ReplyDelete
  9. ยิ่งเจ็บเยอะ ยิ่งเยอะ ประสบการณ์ครับ

    ReplyDelete

*************************************************************************************
ผักกาดๆ ถ้าข้อความไม่ขึ้น นั่นแปลว่า blog คิดว่าข้อความของท่านเป็น spam ไม่ต้องกังวลค่ะ comment เหล่านี้จะตกไปอยู่ที่กล่อง spam รอให้เจ้าของ blog มาตรวจสอบ (ก็คือเรานั่นเอง ^ ^)
*************************************************************************************

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...