พาดหัวหวือหวาไปอย่างงั้น จริงๆไม่มีอะไรหรอก แค่จะเล่าให้ฟังว่า ในที่สุดเราก็ได้รู้ว่าบรรยากาศและคู่แข่งในงานวิ่งปกติมันเป็นยังไง เพราะครั้งแรกที่กรุงเทพมาราธอน คนวิ่งกันเยอะมากกกก แค่มินิมาราธอนก็เป็นหมื่นคนแล้ว ดังนั้นคู่แข่งจึงมีความหลากหลายสูงมาก ตั้งแต่เคนย่า ไปจนถึงคนที่ชีวิตนี้อาจจะไม่เคยวิ่งต่อเนื่องเกิน 1 กิโลเมตรเลย แต่อยากสัมผัสบรรยากาศความยิ่งใหญ่ของงาน ส่วนงานวิ่งครั้งที่สองของเราก็เงียบเหงาเกินปกติ กะคร่าวๆว่าไม่เกิน 100 คน เป็นผู้หญิงเสีย 10 คน และในจำนวนนั้นก็มีทั้งคนที่เป็นแนวหน้าและคุณน้าคุณป้าที่วิ่งเพื่อสุขภาพไม่เน้นความเร็ว ดังนั้นเราที่เป็นนักวิ่งแบบกึ่งๆ คือไม่ชิลล์ขนาดยอมให้ตัวเองวิ่งตามสบาย แต่ก็ไม่เก่งขนาดไปบี้กันกับแนวหน้าได้ จึงเข้าเส้นชัยเป็นที่ 5 สมกับความกึ่งๆของเรา
งานวิ่งสู้เอดส์ไม่ใช่ทั้งสองแบบที่กล่าวมาแล้ว แต่เป็นงานที่ (ในสายตาและการประเมินของเรา) จำนวนนักวิ่งอยู่ที่ค่าเฉลี่ย (เรากะไม่ถูกแต่คิดว่าเกิน 300 สำหรับกลุ่มมินิฯ) คนที่มาแข่งก็เป็นนักวิ่งขาประจำทั้งนั้น แม้ว่าคนที่เข้าที่ 1 อาจไม่ใช่แนวหน้าในงานทั่วไป แต่คนที่เข้าหลังๆก็ไม่ใช่ประเภทเดินเข้าเส้นชัย เรียกได้ว่าเป็น serious runner กันแทบทั้งนั้น ไม่แปลกใจเลยว่าเพียงเวลา 1.30 ก็เข้าเส้นชัยกันเกือบหมดทุกคนแล้ว
หลังจากผ่านไป 3 กม. เราเริ่มตระหนักว่าตัวเองกำลังถูกแซงไปเรื่อยๆ จากที่เคยใช้วิธีวิ่งเกาะกับคนที่เราประเมินแล้วว่าน่าจะมีความเร็วใกล้เคียงกัน ก็เกาะไม่ไหวแล้ว เพราะคุณพี่เธอเร็วกว่าและ speed ไม่มีตกให้เราได้ตามเลย ทั้งๆที่ท่าวิ่งเธอดูตุปัดตุเป๋ เหมือนคนใกล้หมดแรงเต็มทน (มานั่งคิดย้อนหลังแล้วนึกถึงพวกยอดฝีมือหนังจีน ที่ชอบ low profile อยู่ภายใต้คราบของคนที่ดูไม่เอาถ่าน...เท่จริงๆเลย) เราพยายามเพิ่มความเร็วขึ้นในช่วงกิโลเมตรถัดมาเพื่อแซงกลับแต่ก็ไม่เป็นผล ขาก้าวเร็วกว่านี้ไม่ไหวแล้วเนื่องจากวิ่งเร็วเกินมาตรฐานตัวเองมาตั้งแต่ออกสตาร์ท รู้สึกได้ว่าความเร็วเริ่มตก พร้อมกับความเหนื่อยถึงขนาดที่ต้องใช้ปากช่วยหายใจ สมองนึกว่าจะจัดการยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ดี จะ DNF (did not finish) ไปเลยดีมั้ย ก่อนที่จะเป็นลมเป็นแล้งให้อายชาวบ้าน แต่สุดท้ายเราก็คือเรา...กลัวที่สุดกับการยอมแพ้ โดยเฉพาะยอมแพ้ตัวเอง เราเลยใช้วิธีเบสิคเลย... เหนื่อยก็เปลี่ยนมาเป็นเดินสิจ๊ะ จะยากอะไร เราเลือกที่จะเดิน 10 เมตรก่อนถึงจุดให้น้ำจุดที่ 2 จิบน้ำ ล้างหน้า เดินต่ออีก 10 เมตร ตามที่เคยอ่านมาจากเว็บวิ่ง จากนั้นก็ออกวิ่งด้วยความเร็วที่เราคุ้ยเคย รู้สึกดีขึ้นพอสมควร จากที่ตัวเริ่มเย็นๆก็กลับมาอุ่นอีกครั้ง กำลังใจเริ่มกลับมา ทิ้งความคิดจะ DNF ไปเสียสิ้น อย่างไรก็ตามเรายังคงถูกแซงจากนักวิ่งอีก 4-5 คน ถึงตอนนี้เราไม่ซีเรียสแล้ว ขอแค่ได้วิ่งตาม speed นี้ไปเรื่อยๆจนเข้าเส้นชัยก็พอใจแล้ว
เราพักเดินอีกครั้งใน pattern เดิมที่จุดให้น้ำที่ 3 และ 4 คราวนี้รู้สึกว่าเรี่ยวแรงกลับคืนมาแล้ว เริ่มฮึดอยากแซงกลับเสียที เราเพิ่มความเร็วขึ้น แน่นอนว่าเหนื่อยและต้องหายใจทางปาก แต่เมื่อเห็นว่าเริ่มแซงกลับได้ทีละคนๆ ก็มีกำลังใจ คิดเสียว่าเดี๋ยวก็ได้พักแล้ว ประมาณกิโลเมตรที่ 8 เราก็แซงกลับได้จนเท่าทุนและรักษาตำแหน่งไว้ได้จนเข้าเส้นชัย สัจธรรมยังคงเป็นสัจธรรม ถ้าได้แข่งกับคนเก่งเราก็จะพัฒนาฝีมือไปด้วย เราทำสถิติดีกว่าเดิมอย่างชัดเจนด้วยเวลา 62 นาที หรือ 6:12 นาที/กิโลนั่นเอง สำหรับเราเร็วขึ้นแค่ 0.1 นาที/กิโล ก็ถือว่าน่าดีใจแล้ว เพราะเป้าหมายของเราคือ 6 นาที/กิโล ถ้าแนวโน้มเป็นไปตามนี้ อีกไม่เกิน 1 เดือนเราคงไปถึงเป้าหมายได้
สิ่งหนึ่งที่เราเพิ่งสังเกตจริงจังก็คือ ไม่ว่างานวิ่งไหนๆ ที่ระยะมินิฯ ขึ้นไป มีผู้หญิงวิ่งกันน้อยมาก งานนี้เรากะคร่าวๆเวลาเห็นหัวขบวนกลับตัวสวนมา และเวลาเรากลับตัวแล้วสวนกับกลุ่มข้างหลัง คิดว่ามีผู้หญิงวิ่งไม่เกิน 40 คน โดยเราน่าจะเข้าเส้นชัยไม่เกินอันดับที่ 15 อยากจะบอกกับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาอ่าน blog นี้ว่า โอกาสเปิดให้พวกเราแล้ว ถ้าคุณตั้งใจพัฒนาฝีมือ การจะได้ถ้วยไปดูเล่นที่บ้านไม่ไกลเกินเอื้อมเลยเมื่อเทียบกับผู้ชาย เพราะฉะนั้น...มาวิ่งกันเถอะพวกเรา ^ ^
อัพเดทนะคะ เพิ่งไปเจอรูปตัวเองในงานนี้มา ไม่รู้ทำไม งานนี้หารูปยากมากๆ เจอครึ่งซีกก็ดีใจละ
ภาพจากเว็บชมรมวิ่งพระรามสอง
Net Time: 62 นาที, ระยะทาง: 10 กิโลเมตร
ความเร็วเฉลี่ย: 6:12 นาที/กิโลเมตร
ดีมากครับพี่ที่ไม่ถอดใจไปซะก่อน งานนี้เสียอย่างเดียวไม่มีป้ายบอกระยะทางเลยกะจังหวะวิ่งไม่ถูก วันหลังวิ่งตามผมไหมรับรองต่ำกว่าชั่วโมงแน่นอน ฮาฮา
ReplyDeleteระยะทางวิ่งครับ http://www.endomondo.com/workouts/jlJQdRNudkw
ถ้าวิ่งตามคุณ rookiex พี่คงต้องวานคุณ rookiex ช่วยหามส่งเต็นท์พยาบาลแน่นอนค่ะ 555+
ReplyDeleteขอบคุณค่ะที่มาคอมเมนต์ให้ blog ไม่วังเวง ^ ^
เนื้อหาเล่าเรื่องแล้วเห็นภาพดีจ้า...ชอบ ๆ เป็นธรรมชาติดี
ReplyDeleteน่าจะมีภาพประกอบคำบรรยายนะ...จะได้ครบถ้วนนน
ขอบใจจ้า ปลื้มมมมมม
ReplyDeleteอยากมีภาพประกอบเหมือนกัน เดี๋ยวจะพยายามหามาลงเน้อ
รออ่านเวอร์ชั่น update ละกัน
ผมมาจากอนาคต
ReplyDeleteเข้ามาอ่านเรื่อง interval
ปกติผมไม่ค่อยอ่านอะไรยาวๆ
แต่พออ่านเรื่อง interval จบแล้ว
ทำให้ผมต้องขุดลึกลงไปถึงจุดเริ่มต้น
เรียบเรียงเรื่องเนื้อหาได้ดีครับ อ่านแล้วสนุก
ขอเป็นกำลังใจให้ในการทำ Blog ต่อไปครับ
ขอบคุณที่หาสาระดีๆมาให้อ่านครับ