ในฐานะที่เป็นนักวิ่งมือใหม่ (หรือเท้าใหม่หว่า..แปลกๆ...ไม่น่าใช่มั้ง) เราจึงกล้าเขียน blog นี้อย่างเต็มภาคภูมิ เพราะเคยผ่านความไม่รู้ในสิ่งที่ "ควรรู้" อันนี้มาก่อนแล้ว ทั้งๆที่ตั้งแต่สมัยเริ่มเรียนวิชาพลศึกษาตอนป.1 เราก็ได้รับการพร่ำสอนถึงสิ่งจำเป็นที่ว่านี้มาโดยตลอด แต่ก็มิได้นำพา สิ่งนั้นก็คือ การให้ความสำคัญอย่างแท้จริงกับการ warm up และ cool down นั่นเอง
สมัยที่เราเริ่มวิ่งในฟิตเนสที่คอนโดใหม่ๆ พอก้าวขึ้นลู่วิ่งได้ ก็ค่อยๆเพิ่มความเร็วจาก 5.5 (km/h) เป็น 6 เป็น 7 เป็น 8 ซึ่งเป็นความเร็วเป้าหมายของเราโดยใช้เวลาเพียงไม่เกิน 5 นาที โดยคิดเอาเองว่านี่แหละคือการ warm up ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร นอกจากในวันแรกๆ หลังวิ่งเสร็จจะเดินขาสั่นพั่บๆลงบันได และในวันต่อๆมาจะรู้สึกตึงๆที่น่อง หรือในบางวันที่เริ่มปรับความเร็วเป้าหมายขึ้น จะรู้สึกขัดๆที่ต้นขาจนถึงกับต้องเดินกะเผลก (ขนาดนี้แกยังว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ //อีโม่ค้อนทุบหัว)
ส่วนการ cool down นั้นเล่า สำหรับเราก็แสนจะง่ายดาย มีปุ่ม cool down บนลู่วิ่งก็จัดไปอย่าให้เสีย เครื่องจะลดความเร็วจากระดับวิ่งตามควายมาเป็นระดับเดินตามอากงแถวสวนลุม (3.5 km/h) อยู่ 1 นาที จากนั้นจะลดลงมาเป็นระดับเดินตามอาม่าแถวบ้าน (~2 กว่าๆ km/h) อีก 2 นาที ศิริรวมการ cool down อัตโนมัติอยู่ที่ 3 นาทีถ้วน!! เราก็สบายใจ ได้ cool down ละ ขึ้นห้องไปนอนอย่างอิ่มเอมใจ แม้บางคืนจะต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะตะคริวกินน่องก็หาได้แคร์ ดัดเท้าให้น่องตึงๆเดี๋ยวก็หาย นอนต่อได้แล้ว คิดเอาเองว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของคนออกกำลังกาย เพราะสมัยเรียนมัธยมที่เคยเล่นกีฬาเยอะๆก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
แต่เมื่อก้าวมาสู่การวิ่งถนน เมื่อมีเป้าหมายในชีวิตเป็น Marathon เราก็เริ่มหาข้อมูล ศึกษาจากบทความในเว็บวิ่งมากขึ้น จึงทำให้พบว่าการ warm up และ cool down ไม่ใช่แค่เรื่องที่ทำให้เสร็จๆไป ไม่ใช่ประเพณีนิยมที่ต้องทำตามทั้งๆที่ไม่รู้ว่าทำไปทำไม แต่ทั้งสองสิ่งนี้มีความสำคัญและอธิบายความจำเป็นของมันได้ในทางวิทยาศาสตร์ ตอนนี้เราขอโพสต์ลิงค์ของบทความอ้างอิงที่ใช้ไว้ก่อน เพราะไม่มีเวลาเขียน เดี๋ยวดึกๆจะมาสรุปให้ฟัง
สำหรับนักวิ่งแล้ว กระบวนการ warm up และ cool down จะต้องมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเข้ามาปิดท้ายด้วยเสมอ ขอโพสต์ลิงค์ท่ายืดเหยียดไว้ก่อนเช่นกัน ถ้ามีเวลาจะแสดงเอง ท่าทางจะฮาดี
เมื่อก่อนก็ไม่เคย warm up และ cool down เลย ตื่นมาลงบันไดแทบไม่ได้ เดี้ยงไปหลายวัน หลังๆ เลยต้องมีการยืดกล้ามเนื้อ
ReplyDeleteprofile image ของคุณ rookiex มีแต่ตัวไม่มีหัว น่ากัวง่ะ ^ ^"
ReplyDeleteฮาฮาจริงด้วย
ReplyDelete