Thursday, March 13, 2014

ปั่นไปวิ่งไป 2: เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน พิษณุโลก | 17 comments:

เป็นนักวิ่งให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด

หนึ่งในนั้นคือ ให้เพื่อนนอกวงโคจรปกติของชีวิต ...มานั่งคิดๆดู ถ้าไม่ได้ทำกิจกรรมสหวิชาชีพแบบการวิ่ง เราก็คงมีแต่เพื่อนเรียนกับเพื่อนที่ทำงาน ซึ่งถ้าไม่เป็นวิศกรก็คงเป็นอาจารย์ และส่วนใหญ่ก็คงใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพเท่านั้น

แต่เมื่อมาวิ่ง เราได้รู้จักตั้งแต่เจ้าของบริษัทไล่มาจนถึงวินมอ'ไซค์ คนเชียงใหม่ถึงคนเบตง แต่ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรหรือเป็นคนที่ไหน ความรักในสิ่งเดียวกันทำให้เราคุยกันได้อย่างถูกอัธยาศัยและคุ้นเคยกันอย่างง่ายดาย ดังเช่นเพื่อนนักวิ่งชาวพิดโลก 2 ท่าน ที่คนนึงเป็นเพื่อนคนแรกๆที่รู้จักกันผ่าน blog อีกทั้งยังเคยแชร์ไอเดีย ทำยังไงเมื่อสายนาฬิกาขาด ใน blog นี้ อีกคนเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันใน social network และเราได้อาศัยวิ่งเกาะไปเมื่อคราวพัทยามาราธอน ที่อำนวยความสะดวกทุกอย่าง ทำให้เรามีไฟจนได้คลอดทริปนี้ขึ้นมาด้วย ขอถือโอกาสเปิดเรื่องด้วยการขอบคุณ คุณโจ้และพี่ต่อ มา ณ ที่นี้ก่อนเลยละกันค่ะ โชคดีจังเลยน้อเรา ^____^

สันเขื่อน แควน้อยบำรุงแดน


จองตั๋วรถไฟผ่าน call center ครั้งแรกในชีวิต

กลั้นใจกดเบอร์ 1690 ตามที่ search เจอในอินเตอร์เน็ต บริกรรมคาถาล่วงหน้านิดหนึ่งเพราะออร่าของ "การรถไฟแห่งประเทศไทย" ทำให้กังวลว่าจะต้องเจอการบริการแบบเจ้ายศเจ้าอย่าง ประหนึ่งเรามาขอขึ้นฟรีก็ไม่ปาน แต่ผิดคาด น้องผู้หญิงที่รับสาย ตอบคำถามอย่างสุภาพและช่วยหาข้อมูลให้อย่างแข็งขัน แล้วเนื่องจากจองกระชั้นชิดไป (6 วันก่อนเดินทาง) ทำให้ตู้นอนของขบวน 51 เที่ยวคืนวันศุกร์ที่เราวางแผนไว้เต็มหมดแล้ว เหลือแต่ชั้นสองที่เป็นตู้นั่งแบบปรับเอนได้ ...เอาวะ!! ก็ดีเหมือนกัน จะได้ลองให้หมดทุกแบบ (แต่จะให้นั่งชั้นสามไปไกลขนาดนั้นก็คงไม่สู้นะคะ ป้าแก่แร้ว) ส่วนตู้นอนขากลับวันอาทิตย์ขบวน 14 ก็เต็มหมดเช่่นกัน เหลือแต่ของขบวนก่อนหน้านั้นซึ่งมีกำหนดมาถึงรังสิตตอนตี 4 ...เอาวะ!! มานั่งคอยให้ฟ้าสางที่สถานีแล้วค่อยปั่นกลับก็ได้ ยังไงก็ขอนอนให้หลับสนิทไว้ก่อน เพราะวันจันทร์ต้องทำงาน

หลังจากตกลงเรื่องเที่ยวรถ และที่นั่งเรียบร้อยแล้ว น้อง call center ก็จะถามชื่อแซ่ เลขบัตรปชช. และสถานีที่เราจะไปรับตั๋ว ซึ่งสามารถรับได้ที่สถานีรถไฟในกรุงเทพและชานเมืองทุกแห่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานีเดียวกับที่เราจะขึ้นในวันเดินทาง โดยต้องรับภายใน 4 ทุ่มของวันถัดไป ไม่มีค่าบริการ แค่ติดต่อช่องขายตั๋ว แสดงบัตรปชช.-บอกรหัสที่น้อง call center ให้-จ่ายตังค์ จบ

เล่าให้ฟังเพื่อเป็นข้อมูลและอุทาหรณ์ว่า รถไฟช่วงสุดสัปดาห์โดยเฉพาะตู้นอน เต็มไวนะคะ อย่าได้คิดว่า...ใครจะขึ้นแว้... แบบเราเป็นอันขาด ^ ^" เพิ่มเติมด้วยว่า บริการของ call center นี้ รับจองล่วงหน้า 5 วันขึ้นไปเท่านั้น ถ้าใครจะเดินทางวันศุกร์แล้วเพิ่งนึกได้วันจันทร์...อดฮ่ะห์!!

บรรยากาศสถานีรถไฟรังสิตยามดึก
สถานีรถไฟรังสิตยามดึก เห็นคนนั่งคอยอยู่อีกฝั่งของรางอยู่ประปราย
หอพัก-สถานีรังสิต-พิษณุโลก

ตามกำหนดการ ขบวน 51 กรุงเทพ-เชียงใหม่ จะมาถึงสถานีรังสิตตอน 22:58 ครั้นจะให้ปั่นออกจากหอซัก 3 ทุ่มครึ่งเพื่อให้ไปทันเวลาพอดีก็ไม่เหมาะ เพราะเส้นเลียบคลองเปรมแค่ 2 ทุ่มก็เปลี่ยวแล้ว หลังเลิกงานเราจึงต้องรีบเก็บข้าวของปั่นออกมาทันที แล้วมานั่งรอที่สถานีแทน

สถานีรังสิตไม่เปลี่ยว มีคนมารอรถไฟตลอดเวลา แค่เหม็นและโทรมและยุงดุมากเท่านั้น มีร้านอาหารตามสั่งเปิดเป็นเพื่อนถึง 5 ทุ่ม เอาไว้นั่งกินข้าวแก้เซ็งได้ รถไฟ delay ตามฟอร์ม (ภาษาทางการเรียกว่า "เสียเวลา") แต่ก็ไม่มากแค่ 12 นาที ถามลุงที่รอขบวนเดียวกันแกว่า ไม่แน่ไม่นอน บางทีดีเลย์เป็นชั่วโมงก็มี

รถไฟชั้นสองเป็นอีกโบกี้ที่เหมาะกับการแหมะจักรยานพับ เพราะเบาะเป็นแบบเดียวกับรถทัวร์ที่หันไปทางเดียวกันหมด ที่หลังเบาะท้ายโบกี้จะมีที่ว่างเหลืออยู่ทั้งสองฝั่ง ถ้าไม่มีใครตัดหน้าเอาสัมภาระไปวางไว้ก่อน เราก็เอารถพับไปซุกไว้ฝั่งละคันได้สบายๆ 

การเก็บรถพับบนรถไฟตู้นั่งพัดลม

ทอดตาดูแล้วตู้ไม่เต็ม เพื่อนร่วมทางส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง สัณนิษฐานว่าคนไทยคงเดินทางด้วยรถทัวร์กันหมด เพราะสะดวกกว่าแถมยังถูกกว่าอีกด้วย โดยรวมก็นั่งสบายดี มีเสียงกึงกังของรถไฟคลอเป็นฉากหลังไปตลอดนิทรารมย์ ถ้าเพลียมากๆก็หลับได้อยู่นะ ถือซะว่าเอาความคลาสสิกละกัน ในที่สุดเราก็มาถึงสถานีพิษณุโลกเกือบตี 5 ของเช้าวันเสาร์
AIT-สถานีรถไฟรังสิต:  http://www.endomondo.com/workouts/294336944/862998

ปั่นเที่ยว(และกิน)ในเมืองพิษณุโลก

สถานีรถไฟที่นี่อยู่ใจกลางเมืองเหมือนเมืองนอกเลย พบคุณโจ้ พิดโลก มายืนยิ้มเผล่รอรับอยู่แล้ว แผนก็คือบ่าย 2 เราทั้งสามคน (กรุงเทพ2 พิดโลก1) จะต้องไปขึ้นรถรับส่งของงานวิ่งซึ่งจอดที่บขส.เพื่อพาเราข้ามอำเภอเป็นระยะทางเกือบ 70 กม.ไปยังเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน สถานที่จัดงาน มีเวลาอีก 9 ชั่วโมงก่อนขึ้นรถ ก็ควรใช้ให้คุ้มค่าทุกเม็ด ด้วยการไปปั่นชมเมืองเถิดเอย

พวกเราฝากของ ล้างหน้าแปรงฟันที่บ้านพักของคุณโจ้ ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 200 เมตร ส่วนอาบน้ำ... เสียเวลา เดี๋ยวแดดออกซะก่อนจะปั่นไม่สนุก... รักจะทัวร์ริ่ง ต้องไม่กลัวซกมก!! มิตรสหายท่านหนึ่งไม่ได้กล่าวไว้ แต่เรากล่าวเอง ^ ^ จากนั้นเราสามคน รถพับ 2 เสือภูเขา 1 ก็ไปสมทบกับน้องเฟิร์น ซึ่งคุณโจ้ทาบทามให้มาเป็นไกด์

สะพานขึงข้ามแม่น้ำน่าน Unseen Pisanulok

น้องเฟิร์นพาปั่นออกนอกเมืองมุ่งหน้าม.นเรศวร เวลาเช้าในต่างจังหวัด แม้จะเป็นถนนใหญ่แต่รถยังน้อย ปั่นสนุก จากนั้นก็ลัดเลาะเข้าถนนของหมู่บ้าน ไฮไลท์อยู่ที่สะพานขึงข้ามแม่น้ำน่าน (กม. 11.8) สวยคลาสสิกทั้งสะพานและแม่น้ำเบื้องล่าง นับเป็น Unseen Pisanulok ได้เลยเพราะแม้แต่คนในเมืองอย่างคุณโจ้ก็ยังไม่รู้จัก จากนั้นก็แวะไปชม มน.ถิ่นเก่าคุณโจ้ ไหว้พระรูปพระนเรศวร กลับเข้าเมืองอีกทีตอนสายๆ เพื่อมากินอาหารเช้า ซึ่งก็คือ ต้มเลือดหมูร้าน ศ.โภชนา เจ้าดังของเมืองพิดโลก (กม. 37.5) อร่อยสมคำร่ำลือ ทีเด็ดอยู่ที่ใส่จิงจูฉ่าย-ผักเอกลักษณ์ของต้มเลือดหมูที่หากินยาก มาให้อย่างสะใจ

สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองพิษณุโลก

จากนั้นก็ปั่นชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในตัวเมือง ทั้งวังจันทร์ซึ่งเป็นวังที่พระนเรศวรประทับตอนเด็ก ที่ตอนนี้เหลือแต่เพียงอิฐฐานกำแพงวังเท่านั้น วัดใหญ่ที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช ซึ่งเราโชคดีเพราะมาตอนมีงานสมโภชน์ประจำปีพอดี ทางวัดเลยเปิดให้ขึ้นไปกราบพระบรมสารีริกธาตุบนยอดพระปรางค์ด้วย ปิดท้ายด้วยอาหารเที่ยงคือ ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นป้าล้อม (กม. 47.4) ที่ทำให้คนกินตะลึงด้วยน่องติดสะโพกชินเบ้อเริ่มคับชาม กินเสร็จก็กลับบ้านคุณโจ้เพื่ออาบน้ำ (ครั้งแรกในรอบ 18 ชั่วโมง ;p )  เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไป ศิริรวมแล้วปั่นไป 49 กม.
ปั่นเที่ยวในตัวเมือง:  http://www.endomondo.com/workouts/294496815/862998

เมืองพิษณุโลก-เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน

งานวิ่งต่างจังหวัด ถ้าจัดไกลจากเมืองและมีผู้จัดใจป้ำ ก็มักจะจัดรถรับส่ง เพื่อรับนักวิ่งจากตัวจังหวัดไปส่งให้ถึงบริเวณงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย งานนี้ก็เช่นกัน มีการจัดรถรับส่งถึง 3 เที่ยว ตั้งแต่บ่าย 2 ถึง 6 โมงเย็น

เราได้คุยกับพี่ต่อซึ่งประสานงานกับผู้จัดให้อีกทีเรียบร้อยแล้ว ว่าขอเอารถพับ 2 คันขึ้นรถไปด้วย ไปถึงบขส.ก็เห็นรถสองแถวขนาดบรรทุก 10 คน ติดป้ายไวนิลโลโก้งานวิ่งจอดรออยู่แล้ว ลองยกจักรยานขึ้นที่วางของซึ่งอยู่บนหลังคาห้องโดยสารด้านหน้า พบว่ายัดไม่ลง จึงต้องวางคู่กันบนพื้นรถด้านในสุดแทน ที่วางเท้าไม่เหลือแล้ว เราสองคนจึงต้องนั่งพาดขาบนจักรยานของตัวเอง หลับๆตื่นๆ ไปจนถึงเขื่อน

บนรถรับส่งนักวิ่ง

ก่อนจะหลับ เรานั่งฟังบทสนทนาของเพื่อนร่วมทางอีก 7 คน ที่ดูโหงวเฮ้งตั้งแต่ที่บขส. ก็รู้แล้วว่าต้องมาขึ้นรถคันเดียวกันแน่ๆ -ชายไทย-อายุ 40 ถึง 50 ปี-ผิวคร้ามแดด-รูปร่างสันทัดค่อนไปทางผอม แต่แกร่ง-แบกเป้ใบย่อม-บางคนถือเต็นท์-หลายคนถือถุงหูหิ้ว ข้างในมีของกินจำพวกขนมปัง...อาห์...นี่สินะ... มาราธอนเนอส์ในตำนาน

ไม่มีใครเลยที่มาด้วยกัน แต่หลายคนทักกันอย่างคุ้นเคย ทุกคนคุยกันด้วยเรื่องงานวิ่งที่นู่น-ที่นั่น-ที่นี่-แนวหน้าคนโน้นคนนี้ และประเด็นที่คุยกันออกรสที่สุดคือ...ฟอร์รันเนอร์ลีก!! การแข่งขันที่ข้าพเจ้าและเพื่อนนักวิ่งกรุงเต้บรุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายสิบคนอาจเคยได้ยินชื่อแว่วๆ แต่ไม่มีใครรู้รายละเอียดเลย ...หารู้ไม่ว่าในโลกนักวิ่งใบเดียวกันนี้ มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อินกับมันมากๆ แบบเดียวกับที่พวกเราอินกับ challenge บน endomondo จนต้องวิ่งเก็บไมล์กันตะบี้ตะบันจนหยดสุดท้ายนั่นแล

เค้าลางแห่งความ "คลาสสิก" มาเยือนข้าพเจ้าเสียแล้ว... คิดได้เช่นนั้นก็ผลอยหลับไปท่ามกลางลมอื้ออึงและเปลวแดดยามบ่ายที่ส่องมาฝั่งที่ข้าพเจ้านั่งอยู่พอดี

เย็นวันเสาร์-เช้าวันอาทิตย์

รถสองแถวมาถึงเขื่อนประมาณบ่าย 3 ครึ่ง พวกเราตรงไปสมัครวิ่งก่อนอื่นใด เพราะต้องเอาใบเสร็จไปขอรับเต็นท์นอนที่ผู้จัดงานเตรียมไว้ให้กับเครื่องนอนพร้อมสรรพ แถมยังบริการกางและเก็บให้ด้วย เรียกว่าอำนวยความสะดวกกันสุดๆ ไม่งั้นคงต้องแบกเต็นท์มาเอง เพิ่มความทุลักทุเลในยามที่ต้องเดินทางด้วยจักรยานคันจ้อยอย่างแน่นอน

บริเวณกางเต็นท์ งานวิ่งเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน

ทั้งหมดนี้เราได้สอบถามและจองเต็นท์ไว้ก่อนแล้ว ไม่ได้มาตายเอาดาบหน้า ในขณะที่กำลังรู้สึกภูมิใจในความราบรื่นจากการวางแผนล่วงหน้าอยู่นั้น พลันก็รู้สึกกระหาย อยากกินน้ำอัดลมเย็นเจี๊ยบ กับหาขนมกินแก้ปากว่าง ...แต่ๆๆ ไหนล่ะเซเว่น!! โอเคบนเขื่อนคงไม่มีเซเว่น งั้นเอาร้านขายของชำประจำสำนักงานเขื่อนก็ได้...แต่ๆๆ ไหนล่ะสำนักงานเขื่อน เห็นมีแต่ตึกพิพิธภัณฑ์อะไรซักอย่างที่คงร้างมานานแล้ว นอกนั้นก็เป็นสนามหญ้าโล่งๆ ในระยะสุดสายตามองไม่เห็นร้านอะไรเลย!! มิน่าล่ะ พี่ๆบนรถสองแถวถึงหอบหิ้วของกินมาด้วยอย่างรู้งาน

อย่าว่าแต่ของกินเล่นแก้เหงาปากเลย ในยามนี้ แผนที่จะกินข้าวเคล้าวิวสันเขื่อน ชมอาทิตย์อัสดง ณ ร้านสวัสดิการ เหมือนเขื่อนเพื่อการท่องเที่ยวอื่นๆ ก็เป็นอันตกไปเรียบร้อย เราและเพื่อนร่วมชะตากรรมอีก 2 คน จึงนั่งหิ้วท้องรอจนถึง 5 โมงเย็น ในที่สุด buffet dinner จากผู้จัดก็เปิดให้บริการ...ใช่ค่ะ อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้ว งานวิ่งตจว.จะมีการเลี้ยงข้าวเย็นด้วย ท่าบังคับของอาหารเลี้ยงนักวิ่งคือ ผัดผัก แกงเผ็ดมะเขือเปราะกับเนื้อสัตว์อะไรซักอย่าง (บอกไม่ได้ เพราะควานไม่เจอ) และไข่ต้ม แม้จะยังเร็วไปสำหรับมื้อเย็น แต่เมื่อเห็นคนอื่นๆกรูเข้าไปทันทีที่โฆษกประกาศ เราทั้งสามก็จำเป็นต้องร่วมวงไพบูลย์ด้วย เพราะถ้ามัวเหนียมๆอายๆ รอคนซาซะก่อน เกิดหมดขึ้นมา แปลว่าเราต้องอดข้าวเย็นแน่นอน

ก๋วยเตี๋ยวไก่ป้าล้อม ต้มเลือดหมู ศ.โภชนา
เนื่องจากรีบกิน buffet คนยาก จนลืมถ่ายรูป เลยให้ดูก๋วยเตี๋ยวไก่ป้าล้อมและต้มเลือดหมู ศ.โภชนา ไปพลางๆ

อิ่มหนำสำราญดีแล้วเราก็มองหาทำเลห้องอาบน้ำ อย่างที่ได้เล่าไปก่อนหน้า ว่าเขื่อนนี้ไม่เหลือสถานที่ใดๆ เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวแล้ว ดังนั้นห้องน้ำที่แยกออกมาจากตึกพิพิธภัณฑ์ร้างจึงอยู่ในสภาพที่มาคุสุดๆ แค่เยี่ยมหน้าเข้าไปหน่อยเดียวก็สยองแล้ว เราตัดสินใจในทันใดว่า...ดองโลด!! นี่ไม่ใช่การตัดสินใจของผู้หญิงเรื่องมากแน่นอน เพราะขนาดเพื่อนชายอีก 2 คนที่มาด้วยกันก็ยังเห็นตามนั้น ^ ^" โชคดีอยู่บ้างที่ช่วงนี้อากาศเย็น การไม่อาบน้ำก่อนเข้านอนจึงไม่ทำร้ายจมูกคนรอบตัวมากนัก 

แค่ 1 ทุ่มพวกเราก็แยกย้ายเต็นท์ใครเต็นท์มัน ประการแรกเพราะไม่มีอะไรให้ทำ ประการต่อมา เราเคยได้ยินคำเล่าลือมาก่อนแล้วว่า ถ้านอนในบริเวณงาน คุณจะถูกปลุกตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่จากเครื่องเสียงของงาน ...คืนวันเสาร์ เราสลบเหมือดไปอย่างง่ายดายเพราะความเพลียจากแดดและการเดินทาง

ตื่นมาอย่างสดใสในเช้าวันอาทิตย์ ไม่ใช่เพราะเสียงจากลำโพงเพราะเพิ่งตี 2 กว่าเท่านั้น แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเสียงพูดคุยเคล้าเสียงถุงก๊อบแก๊บของพี่เต็นท์ข้างๆ เนื่องจากนักวิ่งมาราธอนต้องตื่นขึ้นมากินคาร์โบไฮเดรตก่อนวิ่ง ข้าวหลามบ้าง บ๊ะจ่างบ้าง ตามสูตรของใครของมัน นอนฟังชาวบ้านคุยกันพักใหญ่จึงมีความเคลื่อนไหวจากบนเวที ...พี่มาราธอนลุกไปวอร์มอัพแล้ว เพื่อรอการปล่อยตัวตอนตี 4 ส่วนเรา แม้จะปล่อยตัวตีห้าครึ่ง แต่ก็จำใจต้องลุกตาม เพราะทนปวดฉี่ไม่ไหวแล้ว!!

ขณะเดินออกจากเต็นท์อย่างสิ้นหวัง เพราะรู้ว่าต้องเจออะไรบ้างในห้องน้ำมาคุนั้น พลันก็เห็นสิ่งที่ทำให้ยิ้มออกมาได้ มันคือรถสุขาเคลื่อนที่นั่นเอง!! นี่คือส้วมซึ่งเมื่อจอดไว้ที่งานวิ่งในเมือง อาจถูกจัดให้เป็นส้วม priority หลังๆ แต่ในยามนี้ เมื่อเทียบกับส้วมที่มีอยู่ มันก็นับว่าเป็น "สุขา" อย่างเต็มภาคภูมิ เรารีบทำธุระ พร้อมทั้งล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนที่การจราจรในรถแคบๆนี้จะคับคั่งตามจำนวนนักวิ่ง

วิ่งมินิมาราธอน

ต้นเดือนกุมภากลางป่าเขาความหนาวยังหลงเหลืออยู่มาก หลังจากเยี่ยมๆมองๆ ที่เต็นท์แม่ครัวจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรให้กินรองท้องก่อนวิ่งแน่แล้ว เราจึงออกไปวอร์มแต่เนิ่นๆ รู้สึกล้าจนก้าวขาแทบไม่ออก ไม่รู้ว่าเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่วิ่งตอนเช้ามืดหลังวันปั่นยาวหรือเปล่า ใจนึงบอกว่างั้นกลับไปนอนต่อเหอะ แต่อีกใจก็บอกว่า ถ้าไม่วิ่งก็ไม่มีเรื่องไปเขียนนะ...ได้ผลวุ้ย! เราฝืนใจจ็อกวอร์มเตาะแตะๆ ฝ่าลมหนาวไปจนถึงเวลาเช็คอิน

เมื่อแตรลมดัง เราจ็อกตามฝูงชนออกไปตามสันเขื่อนช้าๆ ฟ้ายังมืดสนิท ในช่วงสันเขื่อนแม้จะมีไฟถนน แต่ก็ห่างกันจนทำให้มองไม่เห็นเส้นทางไปบางช่วง อย่างไรก็ตามเมื่อลงจากสันเขื่อน ก็เห็นความตั้งใจดีของผู้จัด ด้วยการนำโคมไฟฟ้ามาแขวนไว้ตามต้นไม้บ้าง วางบนหลักกิโลบ้าง เป็นระยะ ดูมลังเมลืองดี


เส้นทางวิ่งมินิมาราธอน เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน


เราตั้งใจว่ากิโลแรกจะช้าๆ เพซ 6 กว่าๆไปก่อน เครื่องติดเมื่อไหร่ค่อยเร่งขึ้นเรื่อยๆ เป็น negative split แบบงานที่วัดบางหญ้าแพรก (ซึ่งเราได้ถ้วยด้วย อิอิอิ) แต่อนิจจา วิ่งไป 2 กม.แล้วขาก็ยังล้าอยู่...เออ...ช่างมันแล้ววุ้ย!! ถือว่ามาวิ่งซ้อมในบรรยากาศขุนเขาแถมมีคนเตรียมน้ำให้กินอีกต่างหาก ก็แล้วกัน แอบดีใจที่เจียมตัวลงแค่มินิฯ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว ถ้าลงฮาล์ฟเพราะเสียดายที่อุตส่าห์เดินทางมาตั้งหลายร้อยโล คงล่อไป 3 ชั่วโมงกว่าแน่นอน

เส้นทางขาไปมีแต่ทางลงกับทางราบ  เตือนให้สังวรณ์ว่าหลังจุดกลับตัวมีงานงอกรออยู่...แต่ๆๆ ไหนล่ะจุดกลับตัว!! ข้าวิ่งเกิน 5 กม.มานานแล้วน้าาาา มั่นใจใน sense of direction ที่ผิดวิสัยผู้หญิงของตนเอง ว่าตอนนี้เรายังไม่ได้ย้อนกลับไปทางทิศที่เป็นเส้นชัยอย่างแน่นอน หลังจากที่วิ่งก็แล้ว แวะเข้าห้องน้ำที่ร้านของชำข้างทางก็แล้ว (มันเป็น default ของข้าพเจ้าไปแล้ว ปลงละ ^ ^) ในที่สุดก็พบสต๊าฟยืนถือยางวงซึ่งเป็นเครื่องหมายของจุดกลับตัวอยู่ในกม.ที่ 8 กว่าๆ นั่นเอง

สรุปแล้วงานนี้แถมให้เกือบ 4 กม. เราวิ่งด้วย pace 6 ปลายไปตลอดทาง มายอมแพ้หยุดเดินตรงเนินปราบเซียนเนินสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัยเท่านั้น (และแวะเข้าห้องน้ำไป 2 ครั้ง แหะๆ) แล้วก็เป็นไปตามที่แอบลุ้น...เราได้ถ้วยด้วยแหละ ว่ะฮ่าๆๆๆ อันดับ 4 ในกลุ่มอายุ  

มินิมาราธอน เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน: 

เขื่อนแควน้อยฯ-เมืองพิษณุโลก

รับถ้วย กินข้าวต้มที่งานทำเลี้ยงพอรองท้องเสร็จ เราก็ล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปั่นเต็มยศ...อย่าถามเรื่องอาบน้ำนะคะ...ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า ไม่อาบ!! 

คุณโจ้ซึ่งไม่ได้พกจักรยานมาด้วย ติดรถพี่ที่รู้จักกันกลับตัวเมืองไปพักผ่อนก่อน ส่วนเรากับทีมงาน (1 คนถ้วน) ก็ได้เวลาทรมานบันเทิงด้วยการปั่นรถพับตามไปเป็นระยะ 72 กม. ...อันทีจริงก็ไม่ได้ทรมานอะไรมาก เพราะปั่นเรื่อยๆ ระดับ recovery ภูมิประเทศ 40 กม.แรกในอ.วัดโบสถ์เป็นเนินขึ้นๆลงๆ ถนนกว้าง รถน้อย ปั่นสนุกมาก แต่อย่าหวังทางร่มรื่นมีต้นไม้บังแดดนะคะ หายากกกก จากนั้นจึงลดระดับอย่างฉับพลันลงสู่ที่ราบในเขตอำเภอเมือง เส้นทางในช่วง กม. 52-65 เงียบสงบ สองข้างทางมีแต่นาข้าวเขียวขจีสบายตา น่าปั่นเป็นที่สุด

ระหว่างเส้นทางปั่น เขื่อนแควน้อยฯ-เมืองพิษณุโลก

ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงรวมกินข้าวเที่ยง ก็มาถึงบ้านคุณโจ้ สิ่งแรกที่เราโหยหาไม่ใช่โซฟานุ่มๆ ...หลังจาก 25 ชั่วโมงที่ทั้งต้องวิ่งและปั่นด้วยสภาพดองเค็ม ในสุดข้าก็ได้อาบน้ำาาาาา (ภาพประกอบคือเรากำลังคุกเข่า กำหมัดทั้งสองข้างชูขึ้นฟ้าแบบนักบอลที่เพิ่งยิงประตูได้) 
เขื่อนแควน้อย-เมืองพิษณุโลก: http://www.endomondo.com/workouts/294892007/862998

พิษณุโลก-สถานีรังสิต-หอพัก

แดดร่มลมตกดีแล้ว เราก็ออกปฏิบัติภารกิจสุดท้าย นั่นคือสำรวจที่วิ่งของคนเมือง โดยมีคุณโจ้นักวิ่งเจ้าถิ่นเป็นไกด์นั่นเอง 


สวนชมน่านเป็นสวนสาธารณะริมฝั่งแม่น้ำน่านซึ่งไหลผ่าเข้ามากลางเมือง ประกอบด้วยส่วนที่เป็นสวน ซึ่งมีอยู่หย่อมเดียว และส่วนที่เป็นทางคอนกรีตเลียบแม่น้ำทั้งสองฝั่ง เชื่อมถึงกันด้วยสะพาน (ที่เป็นทางสัญจรของรถยนต์ด้วย) ทั้งฝั่งหัวและท้ายของสวน ระยะหนึ่งรอบประมาณ 2.3 กม. บรรยากาศดี ลมแม่น้ำพัดเย็นสบาย นอกจากนี้ริมฝั่งด้านหนึ่งยังเป็นแหล่งรวมร้านนม ที่สังสรรค์ของวัยรุ่นเมืองพิดโลกอีกด้วย ใครมีโอกาสไปทำธุระที่จังหวัดนี้ หลังเสร็จจากการไหว้พระพุทธชินราชแล้ว แค่ข้ามถนนหน้าวัดมา ก็ถึงสวนชมน่านแล้วค่ะ 


สวนชมน่าน


หลังอิ่มอร่อยกับมื้อสุดท้ายที่พิษณุโลก ซึ่งเพื่อนนักวิ่งที่แสนน่ารักอย่างพี่ต่อเป็นเจ้ามือ เราก็จูงจักรยานกันคนละคัน กลับมายืนที่เดิมเมื่อเช้ามืดของวันวาน...เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ สองวันนี้ช่างแสนคุ้มค่า ได้ทั้งประสบการณ์และอัพเลเวลความถึก แล้วพบกันอีกนะเมื่อชาติต้องการ ^ ^

รถไฟขบวน 108 มาถึงตอน 4 ทุ่มครึ่ง ช้าไปประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อขึ้นไปบนรถ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาบอกว่าจะต้องเสียค่าระวางสำหรับรถจักรยาน เรายืนยันว่ามีระเบียบออกมานานแล้วว่ารถพับได้รับการยกเว้น (อันที่จริงเงินเพียง 100 ไม่ได้มากมายอะไร แต่ถ้าเราหยวนๆ สิทธิ์ที่สมาคมจักรยานอุตส่าห์หามาให้ก็จะโดนลิดรอน) เขาหายไปสักพักก็มีจนท.อาวุโสกว่าคนนึงมาคุยกับเรา คุณลุงขอโทษและชี้แจงว่าจนท.คนเมื่อกี๊ไม่ทราบระเบียบ เราก็ไม่ได้ติดใจอะไร แอบดีใจนิดๆ ที่สงสัยจะเป็นนักปั่นคนแรกที่พกจักรยานพับขึ้นรถไฟที่สถานีพิดโลก 555+

อายุปูนนี้แล้วก็เพิ่งเคยขึ้นรถไฟตู้นอน เราพบว่าถ้ามากัน 2 คนแล้วจองเตียงบนและล่าง รถไฟตู้นอนนี่แหละ เหมาะสมที่สุดสำหรับการเก็บรถพับ  เพราะไม่ต้องรบกวนชาวบ้านหรือพื้นที่ส่วนกลางเลย เพียงแต่คนนอนเตียงล่างจะเข้าออกลำบากหน่อยเท่านั้นเอง 


การเก็บรถพับในรถไฟตู้นอน

ตั้งนาฬิกาไว้ตี 4 ตามกำหนดการที่รถไฟจะถึงที่หมาย แล้วก็หลับสนิทรวดเดียวด้วยความอ่อนเพลีย รถไฟมาถึงสถานีรังสิตจริงๆตอนตี 4 ครึ่ง กว่าจะจัดสัมภาระ ผูกกับรถให้มั่นคงไม่ร่วงไปกลางทางก็ร่วมๆตี 5 timing ปลอดภัยต่อการปั่นกลับหอพักพอดี ...อะไรนะ จัดยากขนาดนั้นเลยเหรอสัมภาระเนี่ย...แหมๆๆ ก็ยากนิดนึงส์อะจ้ะ...ก็ขากลับมีถ้วยงอกออกมาใบนึงด้วยนี่นา ^______^
สถานีรังสิต-AIT: http://www.endomondo.com/workouts/295230908/862998

หมายเหตุ
รถไฟขาไป ตู้นั่งพัดลม ประมาณ 300 บาท
รถไฟขากลับ ตู้นอนเตียงล่าง ประมาณ 400 บาท
ค่าเดินทางทั้งทริปมีเพียงเท่านี้ค่ะ 

17 comments:

  1. อ.อ้อเขียนสนุก เห็นภาพตลอดทาง น่าตื่นเต้นดีครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณคุณกวีค่ะ
      ที่ว่า น่าตื่นเต้น สงสัยเราชอบใส่ "!!" แน่ๆเลย
      ตามประสาคนโอเวอร์แอคชั่น แหะๆ

      Delete
  2. สนุกฝุด ฝุด .... ไว้มีไปปั่นวิ่ง ชสนด้วยนะ น้องป้อม.. ^_^

    ReplyDelete
    Replies
    1. ได้เลยค่ะพี่อ๊อด ไปกันๆ

      Delete
  3. สุดยอดนักเดินทางครับ ปีหน้าเรียนเชิญมาอีกนะครับ มาแจ้งstaffได้ครับจัดรางวัลการเดินทางพิเศษให้ครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณค่ะที่ให้เกียรติ
      จะดีมากเลย ถ้าปรับปรุงห้องน้ำอะค่ะ ^ ^ ไม่อยากดองอีกแย้ววว

      Delete
  4. อ่านแล้วสนุกมากอ.ป้อมมาอีกนะ11พ.ค นี้วิ่งภูหินร่องกล้า สนามนี้จัดวิ่งครั้งแรกขอเรียนเชิญมาวิ่งด้วยกันอีกครัช. ^_<

    ReplyDelete
    Replies
    1. น่าสนใจค่ะพี่ต่อ
      ถ้าว่างจะไปนะคะ แต่คราวนี้อาจจะไปทางด่านซ้าย เที่ยวก่อนแล้วค่อยปั่นมาที่งาน

      Delete
  5. สนุกจัง อ่านแรกๆ อยากไปมั่ง ได้ทำอะไรต่างจากปกติ แต่หลังจากไม่อาบน้ำนานขนาดนั้น(รวมวิ่งเหงื่อท่วม) รู้สึกกลิ่นโชยชวนขยาด

    ReplyDelete
    Replies
    1. 555+
      เข้าใจความรู้สึกของพวกเพื่อนผู้ชายที่ชอบโม้เรื่องเขาชนไก่ให้ฟังเลยล่ะ

      Delete
  6. อยากไปมั่งจังเลยครับ ดูสนุกดี แถมประหยัดด้วย....คุณป้อมเก่ง ปั่นๆ แล้ววิ่งชิวๆ ยังได้ถ้วยอีก

    ReplyDelete
    Replies
    1. สิ่งที่เราไม่บอกท่านผู้อ่านก็คือ...ท่าทางจะมีคนรุ่นนี้มาแข่งทั้งหมด 5 คนอะค่ะ อิอิอิ

      Delete
  7. บรรยากาศตู้นั่งพัดลมเป็นไงบ้างครับ ของผมเคยเจอตู้นั่งแอร์สายอิสานไปเที่ยวนึง ขึ้นมาหลายปีแล้วเข็ดมาจนทุกวันนี้ เพราะเค้าเล่นเปิดแอร์ยังกับขั้วโลกเหนือ ผมใส่แจคเก็ตกับตัว ห่มผ้าที่แจกมาอีก 3 ผืนซ้อน ยังนั่งสั่นสะท้านนอนไม่ได้เลยครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ตู้รถไฟเย็นสบายกำลังดีค่ะ
      และใช่เลยค่ะ..สมัยเด็กๆเคยขึ้น sprinter ตู้แอร์กลับขอนแก่นเหมือนกัน
      ทุกครั้งต้องประโคมเสื้อหนาวและผ้าห่มของรถไฟ(ซึ่งเป็นลักษณะผ้าขนหนูผืนใหญ่สีขาว)เต็มอัตราตลอด ไม่รู้จะเปิดแอร์หนาวไปไหน ตรูยังไม่เน่าาาาา

      Delete
    2. แก้บรรทัดแรกเป็นตู้พัดลม ^ ^"

      Delete
  8. อ่านเพลินเหมือนเดิม พอมีรถพับ ป้อมก็พาไปเที่ยวไกลขึ้น ได้อ่านอะไรมากขึ้นอีก ขอบใจจ้า ^^ (... แต่พวกที่รู้จักหลายคนนี่แปลกนะ วิ่งที่ไหนๆ ก็ได้ถ้วย)

    ReplyDelete
    Replies
    1. เพิ่งมาเจอเม้นต์พี่สมาร์ท ตอบช้าไป 1 ปี 5555+
      ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเม้นต์
      ปิดเทอมคงได้พาเพนกวิ้นขึ้นรถไฟไปเที่ยวอีกครั้ง
      แล้วจะเขียนมาให้อ่านกันใหม่
      ส่วนถ้วยนี่...ยากแล้วมั้ง แต่ก็ยังอยากได้อยู่แหละค่ะ ^__^

      Delete

*************************************************************************************
ผักกาดๆ ถ้าข้อความไม่ขึ้น นั่นแปลว่า blog คิดว่าข้อความของท่านเป็น spam ไม่ต้องกังวลค่ะ comment เหล่านี้จะตกไปอยู่ที่กล่อง spam รอให้เจ้าของ blog มาตรวจสอบ (ก็คือเรานั่นเอง ^ ^)
*************************************************************************************

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...