เมื่อ 2-3 วันก่อนได้อ่านสเตตัสของนักเขียนหญิงคนนึงที่เรา follow ในเฟสบุ๊ค เธอบ่นเรื่องจักรยานคันหนึ่งที่ขี่กลางถนน ทำให้รถยนต์ของเธอและรถคันอื่นๆต้องค่อยๆขับตาม โดยเจ้าของจักรยานไม่มีทีท่าว่าจะชิดซ้ายตามมารยาทของนักปั่นที่ดีแต่อย่างใด เธอปิดท้ายว่า เข้าใจอยู่ว่าตัวเองเป็นพวกขับรถยนต์ทำโลกร้อน (ประมาณว่าเป็นคนมีความผิดติดตัว) แต่ก็น่าจะแบ่งๆถนนกันใช้บ้าง
จริงๆมันก็เป็นแค่ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ธรรมดาๆเหตุการณ์หนึ่ง เหมือนกับที่เราบ่นให้เพื่อนฟังว่าเมื่อเช้ามีแท็กซี่เบียดเข้าคอสะพาน หรือเมื่อวันโน้นมีมอเตอร์ไซค์สวนเลนมาตอนเราจะออกจากปากซอย แต่สิ่งที่กระทบใจจนทำให้เราต้องเก็บมาเขียนก็คือ ความคิดเห็นจากคนอ่านนับสิบที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้อเท็จจริงนี้เลย...ความคิดเห็นที่สรุปเป็นคำพูดของเราได้ว่า..."โถ่เอ๊ย...ไอ่พวกขี่จักรยาน...นึกว่าตัวเองเท่ รักษ์โลกอยู่คนเดียวใช่มั้ย...แอบเหยียดหยามพวกเราที่ขับรถอยู่ในใจกันใช่มั้ยล่า"
...นี่ใช่มั้ยที่เรียกว่า"อคติ"
อาจมีนักปั่นบางคนคิดแบบนี้จริงๆและพูดให้เข้าหูเค้า แต่แน่ใจได้ยังไงว่านักปั่นทุกคนคิดแบบนี้ และนักปั่นคนที่ทำผิดกฏกติกามารยาททั้งหลาย ทำลงไปด้วยแรงผลักดันจากอีโก้ที่คิดว่าตัวเองเจ๋ง คูล รักโลก สูงส่งกว่าคนขับรถยนต์ล้วนๆ ไม่ใช่เพราะความชุ่ยส่วนตัวหรือความไม่รู้
ทำไมคนเราจึงถนัดในการสร้างความเชื่อผิดๆมาดูถูกตัวเองกันนัก หรือเพราะในใจลึกๆก็คิดอยู่เหมือนกันว่าตัวเองมีวิธีเดินทางที่ช่วยโลกมากกว่านี้ได้ แต่ไม่ทำ
เรื่องนี้ทำให้เราย้อนกลับไปคิดถึงคราวที่ได้สนทนากับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่มีอคติเหลือเกินกับคนเล่นกีฬา เพราะคิดว่า "พวกที่มาชวนชั้นออกกำลังกายคงจะเห็นชั้นเป็นป้าเห่ย นอนขี้เกียจอยู่บ้าน แล้วคิดว่าตัวเองวิเศษซะเต็มประดาล่ะสิท่า" "แต่ชั้นไม่แคร์หรอกนะ จะออกไปเหนื่อยทำไม ขอตายอย่างขี้เกียจๆดีกว่า"... สำหรับประโยคหลังเราได้แต่เคารพในความกล้าหาญของเธอ(จริงๆเป็น "เขา") แต่ประโยคแรก...ป้าตีความความหวังดีของคนที่เค้ารักป้า มาเป็นการดูถูกตัวเองได้ยังไงคะ !!
...นี่ใช่มั้ยที่เรียกว่า"อคติ"
ในวันๆนึง เราทุกคนต่างสร้างความคิดลบๆ ขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น คิดลบกับคนที่คิดไม่เหมือนตัวเอง, หงุดหงิดกับเรื่องน่าหมั่นไส้ของเพื่อนร่วมโลก, คิดลบกับสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น กังวลไปก่อน คิดถึงปัญหาไปก่อน, มองปัญหาใหญ่เกินตัวจริงของมัน, หมกมุ่นครุ่นแค้นกับความไม่ดีของคนอื่น ฯลฯ ถามว่า มีสักกี่กรณีกันที่ความคิดแง่ลบเหล่านี้จะส่งผลดีต่อเรา
เรื่องราวและผู้คนที่อยู่รอบตัวก็ดำเนินไปตามวิถีของมัน ดีบ้างแย่บ้างตามธรรมดาโลก แต่ความคิดจะสร้างโลกพิเศษขึ้นมา โลกที่มีแต่เจ้าของความคิดเท่านั้นอาศัยอยู่ ถ้าเราอยากมีโลกที่ดี ก็คิดแต่เรื่องดีๆ บวกๆ ส่วนความคิดลบๆที่วูบวาบเข้ามาบ้าง ก็โยนมันออกจากโลกของเราให้เร็วที่สุด
ต่อไปถ้าเห็นนักปั่นไร้มารยาทตามเรื่องที่เล่าไว้ตอนแรก ไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรือเห็นอกเห็นใจก็ได้ว่า...เออ...มันคงไม่รู้กฏเนาะ หรือ ถนนฝั่งซ้ายคงเป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแรงเนาะ แค่บีบแตรใส่ให้รู้ว่าคุณกำลังทำผิดกฏอยู่นะ ถ้าเค้าไม่หลบเราก็หาทางหลบเอง แล้วก็ลืมความขุ่นใจให้เร็วที่สุด มีเรื่องบนถนนอีกมากให้ใส่ใจ ไม่จำเป็นต้องคิดลบๆว่า "มันคิดว่าตัวเองเท่ เป็นเจ้าของถนนเลยขี่ชิวๆเย้ยกรูใช่ม้ายยย" เพราะถ้าคิดแบบนี้ ชาตินี้ทั้งชาติเราคงไม่กล้าหยิบจักรยานออกมาปั่น ด้วยเกรงว่าคนอื่นจะคิดว่าเรา"ทำเป็นเท่"เหมือนกัน
โลกนี้ยังมีเรื่องน่าให้รื่นรมย์อีกมาก เลือกเฉพาะเรื่องดีๆ มาใส่ในโลกส่วนตัวของเรากันเถอะค่ะ ^____^
^_^
ReplyDelete^_____^ ด้วยคนๆ
Deleteในสวนสารธารณะเล็กๆ แถวบ้าน เวลาที่ซ้อมวิ่ง แล้วความเร็วของเรามันเร็วกว่าคนส่วนใหญ่ที่เค้าวิ่งเพื่อสุขภาพ บางทีเราก็เกรงอยู่เหมือนกันว่าจะมีคนหมั่นไส้ อาจมีคนคิดว่าเราอวดเก่งทำเป็นวิ่งเร็ว (ทั้งๆ ที่เราก็แค่นักวิ่งแนวหลังด้วยซ้ำ)...น้องสาวเคยบอกว่าได้ยินพวกเด็กมัธยมที่มาออกกำลังกายนินทาคนที่วิ่งเร็วๆ (กว่าคนส่วนใหญ่)คนหนึ่ง ว่า "ดูคนนั้นสิทำเป็นวิ่งเร็ว แน่ะมีวิ่งหลบซิกแซ็กด้วย...".........ความคิดคนนี่มันห้ามไม่ได้จริงๆ เนาะ
ReplyDeleteใช่เลยค่ะ
Deleteอย่าว่าแต่จะให้คนที่คิดแตกต่างจากเรามองเราในแง่ดีเลย ...เอาแค่เข้าใจ+ยอมรับ ก็ยากแล้ว ^ ^"