ไม่รู้ว่าด้วยเหตุบังเอิญ หรือว่ามันคือ natural frequency ของข้าพเจ้า แต่ช่วงเวลาจาก 2,000 ถึง 3,000 กม. ช่างใกล้เคียงกับช่วงเวลาจาก 1,000 ถึง 2,000 กม. อย่างเหลือเชื่อ นั่นคืือประมาณ 7 เดือนแก่ๆ
ที่น่าแปลกใจก็เพราะเราไม่เคยกะเกณฑ์ว่าตัวเองต้องวิ่งให้ได้ระยะทางเท่าไหร่ใน 1 เดือน ได้แต่วิ่งไปแบบไร้กระบวนท่า มากน้อยถี่ห่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ แรงบันดาลใจ การงานและอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความถี่ธรรมชาติประมาณ 4.35 กม./วัน ทำให้วันนี้ (17 ธันวาคม 2555) เราได้ฉลองสหัสกิโลเมตร อีกคราเป็นรอบที่ 3 แล้ว เย่ๆๆ
สรุประยะทางวิ่งแต่ละเดือนจาก 2,000 กม. ถึง 3,000 กม. ได้ดังกราฟด้านล่าง และที่จะเล่าต่อไปคือเหตุการณ์เบื้องหลังกราฟเหล่านี้
หลังจากได้กำลังใจจากการฝึกวิ่งผลัดอัลตร้ามาราธอนที่สัมฤทธิ์ผลด้านความอึดอย่างน่าพอใจ เดือนพฤษภาคมทั้งเดือนเราจึงขยันซ้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อคืนความฟิตในด้านความเร็ว ซึ่งงาน 10K งานแรกที่ลงในช่วงต้นเดือนมิถุนา แม้จะยังไม่คืนฟอร์มเสียทีเดียวแต่ก็ทำได้อย่างมีอนาคต ในเดือนมิถุนายนนี้เองเราได้มีโอกาสชักชวนเพื่อนสมัยป.ตรีที่ไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี ให้มาเริ่มวิ่งและแชร์ผลการฝึกซ้อม เมื่อต่างคนต่างช่วยดูและช่วยเชียร์ การซ้อมจึงเป็นไปอย่างสนุกสนาน เหมือนกับมี running partner มาวิ่งด้วยก็ไม่ปาน และแม้เมื่อเข้าเดือนกรกฎา เราจะซ้อมน้อยลงเนื่องจากเริ่มมีงานเข้า แต่การซ้อมก็มีคุณภาพ นำมาซึ่ง peak ช่วงหนึ่งในชีวิตการเป็นนักวิ่งเลยก็ว่าได้ เราจบฮาล์ฟมาราธอนที่พัทยาด้วย new PB 20 กม. (เนื่องจากระยะไม่ครบ 21.1 กม.) ต่อด้วย KOTR ที่วิ่ง 15 กม.ด้วยความเร็วเฉลี่ย 5:30 นาที/กม. ชนิดไปต่อจนครบ 16.3 กม.ด้วยความเร็วนี้ได้แน่นอน ถ้าข้าศึกไม่โจมตีเสียก่อน
ดังนั้น ใครที่ยังไม่มี running partner ก็ลองเล็งๆดูนะคะ เพราะอาจทำให้คุณวิ่งดีขึ้นผิดหูผิดตาเลยก็ได้ จะใช้วิธีหาคู่หูตามสูตรจากเพจเรื่องวิ่งเรืื่องกล้วยดูก็ได้ค่ะ
เมื่อเข้าเดือนสิงหาเราลงวิ่งมินิมาราธอนที่ตรีมิตร แม้จะมีหัวลากและวิ่งจนหมดเกลี้ยงถัง แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายสถิติ 10K ที่ยาวนานเกือบ 9 เดือนได้ ภาวะท้อนิดๆ อยากตั้งศูนย์ถ่วงล้อตัวเองใหม่หน่อยๆ จึงเกิดขึ้น เราจึงซ้อมแบบลดความจริงจังลงมาตามดีกรีความเฉาของจิตใจ เหลือแค่"คอร์ทเอื้ออาทร" "ช้าสลับเร็วพอเพียง" เป็นอาทิ เพียงเพื่อให้มีความฟิตพอจะที่ไปวิ่งขำๆไม่แข่งกะใคร เพราะความรู้สึกมันไม่ได้ ดังนั้นระยะทางรวมของเดือนสิงหาจึงลดลงเหลือไม่ถึง 100 กม.
เมื่อล่วงเข้าเดือนกันยายน แม้จะยังคงไม่มีอารมณ์แข่งอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อกาปฏิทินไว้แล้วว่าต้องลงฮาล์ฟที่ริเวอร์แคว เราก็ซ้อมมากขึ้นเพื่อเก็บระยะให้เพียงพอที่จะวิ่งฮาล์ฟได้อย่างไม่บาดเจ็บและไม่สะบักสะบอม ดังนั้นระยะทางรวมของเดือนนี้จึงกระเตื้องขึ้นมา
หลังจากวิ่ง 2 รายการแบบชิลล์ๆ เรายังคงซ้อมแบบเอื้ออาทรและพอเพียงอยู่อย่างนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วง 2 เดือนหลังนี้ทางชมรมงดซ้อมร่วมกัน เพราะต้องไปเป็นพี่เลี้ยงให้นักวิ่งในโครงการวิ่งสู่ชีวิตใหม่ เราเริ่มรู้สึกว่าถ้าทิ้งตัวเองให้เฉื่อยแฉะนานกว่านี้คงไม่ได้การแน่ จึงต้องมองหางานแข่ง 10K ระดับกลางๆที่เรามีศักยภาพพอจะได้ถ้วยบ้างอะไรบ้างมาเป็นแรงบันดาลใจซักหน่อย แล้วก็ได้จริงๆ แถมเวลายังดีขึ้นกว่าคราวที่แล้วด้วย (แต่แน่นอน ยังไม่ดีพอจะทำลาย PB) ยังไม่หนำใจ เราซ้ำอีกรอบด้วยการหางานแข่ง half ที่มีสิทธิ์ลุ้นถ้วย ซ้อมตามมีตามเกิด คว้าถ้วยและเก็บโจทก์เก่าได้อย่างสะใจ มิหนำซ้ำยังได้ทำลายสถิติ 10K ได้แบบฟลุคปนทริกอีกด้วย ไม่สนแหละ...หลังจากผ่านไป 9 เดือนกับ 28 วัน ตรูก็ทำสำเร็จ ว่ะฮ่าๆๆๆ จบเดือนตุลาด้วยระยะทางสะสมตามธรรมชาติ คือประมาณ 130 กม/เดือน
โครงการวิ่งสู่ชีวิตใหม่จบลงเมื่อต้นเดือนพฤศจิกา กำลังดีใจที่จะได้กลับมาซ้อมจริงจังเสียที งานก็ดันมาเข้า ทั้งโค้ชทั้งลูกศิษย์ ดังนั้นตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกาจนถึงกลางเดือนธันวาเราจึงแทบไม่ได้วิ่งเลย ความฟิตและระยะทางสะสมหดหายไปพร้อมๆกัน แต่ตอนนี้งานเริ่มกลับมาเป็นปกติและเราเริ่มมีแรงบันดาลใจอีกครั้งแล้ว มาคอยดูกันว่าจอมบึงที่จะถึงนี้ เราจะวิ่ง half ภายใน 2 ชม.ได้มั้ย เอาใจช่วยข้าพเจ้าด้วยนะค้าบ
1,000 กิโลเมตรที่สามนี้ ข้าพเจ้าได้อะไรใหม่ๆที่มากกว่าเรื่องวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จเล็กๆของบล็อกก๊องแ๊ก๊งอันนี้ การได้ใช้ความชอบและความถนัดให้เป็นประโยชน์แก่คนอื่น การได้พบพี่ เพื่อน และน้องที่น่ารักมากๆคนหนึ่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีการวิ่งเป็นตัวเหนี่ยวนำมาทั้งสิ้น ดังจะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อๆไป ขอขอบคุณสิ่งใดก็ตามที่ทำให้เราได้รู้จักและรักการวิ่งมา ณ ที่นี้
ติดตามอยู่อย่างต่อเนื่องครับ กำลังฝึกวิ่ง Half Marathon อยุ่ ฝาก Blog ของผมด้วยนะครับ ตามลิงค์นี้ http://runningronin.blogspot.com/
ReplyDeleteเป็นกำลังใจให้ค่ะ
Deleteเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกฝนก่อนค่ะ
โค้ชเคยบอกว่า ทุกคน จะวิ่งฮาล์ฟหรือมาราธอนพรุ่งนี้เลยยังได้
แต่คนเราไม่ควรทำแบบนั้น เพราะมีเพียงความสะใจเท่านั้นที่ได้รับ
ส่วนความภาคภูมิใจจากการพากเพียรฝึกซ้อม
และสภาพร่างกายที่ยังเป็นปกติ หลังแข่ง
เราจะมีไม่ได้ ถ้าไม่ฝึกซ้อมให้เพียงพอ
ยินดีด้วยที่เขียน blog ค่ะ ชอบอ่านๆ
ขอ follow นะคะ
ตามโปรแกรมคือ 12 สัปดาห์ครับ ผ่านมาแล้ว 1 เหลืออีก 11 ก็ต้องเอาชนะใจตัวเอง เพราะไหนจะต้องทำงาน นอนดึก แถมมีอุปสรรคด้านความพร้อมของร่างกาย เจ็บบ่อย ความขึ้เกึยจ มีข้อแก้ตัวไม่ให้ออกไปซ้อมวิ่งเยอะมาก
ReplyDeleteขอบคุณมากครับ ที่เป็นกำลังใจ Blog ของคุณป้อม ก็เป็นอีกแรงบันดาลใจหนึ่งให้ผมฝึกซ้อมนะครับ ลุยต่อไป...
ทำดีที่สุดในเงื่อนไขที่มีอยู่ก็พอแล้วค่ะ
Deleteเจ็บบ่อย ต้องหาสาเหตุ
งานยุ่ง ต้องแบ่งเวลาส่วนอื่นที่ pirority น้อยกว่ากว่าซ้อม เอามาวิ่ง
ขี้เกียจ อันนี้ช่วยไม่ได้ เพราะเราก็เป็นอยู่ค่ะ อิอิ
ดีใจที่ blog ของเรามี impact factor สร้างแรงบันดาลใจแก่คนอื่นได้
สงสัยได้ส่งไปลง journal แทน thesis ละ 555+
ถ้าล่ารายชื่อแฟนคลับเพื่อประกอบการส่งเรื่องในบลอคไปลง journal แทน thesis ก็บอกนะคะพี่ หนูจะเป็นหัวคะแนนให้เอง ^^V
Deleteถ้าวิ่งกันคนละ pace สามารถเป็น running artner กันได้ไหมคะพี่ แบบว่า หาคนวิ่งช้าใกล้เคียงตัวเองไม่ได้ และไม่ค่อยมีโอกาสได้ร่วมซ้อมกะใครเลย
ReplyDeleteได้นะน้องม้วน
Deleteก่อนอื่นปะเหลาะดีๆ ให้เค้ายอมพักกินน้ำพร้อมเรา
แล้วนัดวิ่งด้วยกันในวันที่เ้ค้าวิ่งยาว หรือจ็อก แต่เราวิ่งเทมโป้
ถ้าได้แบบนี้ จะวิ่งมันมาก
ลองหาดูจ้ะ
ส่วนมากนักวิ่งเก๋า อยากช่วยนักวิ่งหน้าใหม่อยู่แล้ว