แล้วทำไมต้องเป็นเกาะฮ่องกงฝั่งตะวันตก?! ไม่มีอะไรมากค่ะ เหตุผลหลักก็คือ เราไปส่องใน Garmin Connect และ Endomondo เห็นวิ่งฝั่งนี้กันมากกว่าฝั่งตะวันออก เหตุผลถัดมาคือระยะทางอยู่ในวิสัยที่เราจะวิ่งได้ภายในครึ่งวัน (ประมาณ 26 กม.) ส่วนเรื่องที่ว่า ระหว่างทางวิ่งจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ดูมั้ย อันนั้นเป็นแค่น้ำจิ้ม เพราะสำหรับเรา การได้เห็นบ้านเมือง เห็นธรรมชาติ เห็นความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง แค่นี้ก็ถือว่าได้ “เที่ยว” แล้วอะค่ะ
เส้นทางวิ่งรอบเกาะฮ่องกง (ฝั่งตะวันตก) http://app.endomondo.com/workouts/444618004/862998 |
โพสต์นี้เราจะขอเล่าแบบลูกทุ่งๆ ประเภทที่ว่าวิ่งผ่านอะไรก็เล่าให้ฟังตามลำดับก่อนหลังเลยนะคะ นักเขียนคนนึงเคยเขียนไว้ลอยๆ ไม่ได้เจาะจงถึงใคร ประมาณว่า “อย่าเพิ่งเล่นสำบัดสำนวน หรือเขียนให้มีชั้นเชิงเลย...มึงเขียนให้อ่านรู้เรื่องก่อนเหอะ!!” โอ้วววว รู้สึกแทงใจดำมาก ^ ^” เพราะตัวเองเวลาจะเขียนอะไรแต่ละที ชอบมองข้ามช็อตว่า เอานะ! เดี๋ยวข้าจะเขียนให้สวิงสวาย เอาตรงกลางมาเล่าก่อน กั๊กตรงนั้นไว้เฉลยตอนจบ มีประโยคเด็ดให้คนจำได้ โอ๊ย...สารพัด!! บางครั้งก็ออกมาดี บางครั้งก็อ่านแล้วงงแถมดูพยาย้ามพยายาม และที่สำคัญ...มันโคตรกินเวลาในชีวิตเลยค่ะ!! ไอ้ความอยากสมบูรณ์แบบเนี่ย!!
ตอนนี้ในฐานะที่เรากำลังฝึกฝนความเป็น “ปรมาจารย์แห่งการทำแม่งเลย” หรือ “Do-it-Now Master” จึงขอกลับมาสู่เบสิคคือการเล่าให้รู้เรื่องก่อน เพื่อให้งานเสร็จอย่างรวดเร็ว คิดๆดูแล้วนี่แหละคือเสน่ห์ของการเขียน blog ... เจอประสบการณ์อะไรมาก็เอามาเล่า ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย เพราะเราคือคนธรรมดา ไม่ใช่นักเขียน จากการอ่าน blog มาหลายปี เราว่าคุณค่าของ blog อยู่ที่ตัวเนื้อหาต่างหาก ยิ่งไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเคยเขียนมาก่อน ยิ่งมีคุณค่า แม้ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่สามัญธรรมดาแค่ไหนก็ตาม เช่น การลองถูขี้ไคลเก็บไว้ 1 เดือนเพื่อดูว่าจะได้ก้อนใหญ่แค่ไหน หรือ การสวมวิญญาณนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คต่างชาติแล้วลองใช้มุมมองใหม่เที่ยวในจังหวัดของตัวเองดู อะไรทำนองนี้ (สองหัวข้อนี้เราเพิ่งคิดเองสดๆ น่าลองดีเหมือนกันนะ ^ ^)
เอาล่ะ เข้าเรื่องซะทีดีกว่า ขอเล่าเรื่องเที่ยวฮ่องกงฉบับนักวิ่ง ณ บัด Now
โหลดคาร์โบฯ ที่ร้านติ่มซำวุ่นวาย (กม. 0)
ชอบโพสต์นึงของเพจ Run to Your Dad ที่มีใจความประมาณว่า... การวิ่งเปลี่ยนชีวิตเราจริงๆนะเออ!! หนึ่งในนั้นก็คือ ตอนยังไม่เป็นนักวิ่งเราเรียกการกินจนอิ่มท้องแทบแตกว่า "ยัดทะนาน" (หรือจะเรียกอื่นใดก็แล้วแต่ท่าน) แต่พอมาเป็นนักวิ่ง เราก็เปลี่ยนมันเป็นคำเกร๋ๆ ที่ทำให้ดูเป็นคนมีเหตุผลว่า "โหลดคาร์โบฯ" ^ ^ การวิ่งรอบ(ครึ่ง)เกาะฮ่องกงวันนี้เราก็เริ่มอย่างคนมีเหตุผลเช่นกันค่ะ ไม่งั้นจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาวิ่งตั้งเกือบ 30 กม.ล่ะ จริงมั้ย!!
ร้านนี้ชื่อ Lin Heung ลงรถไฟใต้ดินสถานี Sheung Wan แล้วเดินมา น้องสาวเป็นคนเลือกเพราะอยากกินร้านที่คนในพื้นที่เค้ากินกัน สมใจอยากกันเลยทีเดียว เพราะทันทีที่ขึ้นมาชั้นสองก็เห็นแต่คนในพื้นที่ยุ่บยั่บเต็มร้านจนแทบหาที่นั่งไม่ได้ ต้องเล่นเก้าอี้ดนตรีกระจายตัวเสียบแซมที่ว่างกันเอาเอง
วิธีการสั่ง อาจจะหยิบเอาจากรถเข็นของอาเจ้ในภาพ หรือลุกไปหยิบเองที่หน้าครัว หรือสั่งจากอาเฮียที่คอยสอดส่องตามโต๊ะก็ได้ (ถ้าพูดกวางตุ้งเป็น เพราะอาเฮียไม่พูดภาษาอังกฤษและไม่มีเมนูให้ชี้) จะมีลิสต์รายการอาหารเป็นภาษาจีนแจกให้กรุ๊ปละ 1 แผ่น เวลาหยิบอะไรมาก็ยื่นแผ่นนี้ให้อาเฮียอาเจ้ stamp ตามจำนวน ก็สนุก วุ่นวาย หนวกหู เป็นประสบการณ์ใหม่ดีค่ะ ส่วนรสชาติอาหาร ก็...พอแหล่กล่าย (แต่ก็แหล่กไปซะพุงกางเลย ^ ^" )
ร้านติ่มซำ Lin Heung |
เดินย่อยขึ้นเขาไปชม University of Hong Kong (กม. 2.2)
กินเสร็จ 11 โมงครึ่ง เราก็ขอแยกตัวออกมา จุดหมายคือ University of Hong Kong... แล้วที่นี่มันเกี่ยวกับนักวิ่งตรงไหนเหรอ ?! ...ก็ไม่เกี่ยวหรอก! อันนี้คือความสนใจส่วนตัวอะค่ะ ^ ^ เราอยากรู้ว่ามหาลัยที่ติดอันดับ 1-10 ของเอเชียจากทุกสำนักโพล และมีโปรเฟสเซอร์คนดังในสาขาที่เราสนใจอยู่ หน้าตาจะเป็นยังไง แล้วเนื่องจากมันอยู่ระหว่างทางที่จะไปถนนเลียบอ่าวด้วย ก็เลยดึงเข้ามาอยู่ในแผนซะเลย
ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเริ่มวิ่งหลังจากกินเสร็จ 1 ชม. กันจุก ระหว่างทางเราก็เลยเดินดูเมือง ดูคนไปเรื่อยๆ ออกจากร้านติ่มซำถนนก็เริ่มชันดิ่งขึ้นเขาทดสอบ Quadriceps กันเลยทีเดียว ถ้าสังเกตแผนที่ด้านบนจะเห็นว่าภูมิประเทศของเกาะฮ่องกงฝั่งตะวันตกนั้นมีภูเขาอยู่ตรงกลาง กินอาณาบริเวณกือบทั้งหมด เหลือที่ราบกว้างๆที่พอจะสร้างเป็นเมืองได้แค่ตอนเหนือเท่านั้น พ้นจากนี้ออกมาแถบชานเมืองก็ต้องสร้างบนที่ราบขนาดจุ๋มจิ๋มที่ไล่เรียงขึ้นมาตามเชิงเขาแทน ที่พักอาศัยส่วนมากของคนฮ่องกงจึงอยู่บนเขา แล้วเนื่องจากพื้นที่ราบมีขนาดจำกัดจึงต้องสร้างเป็นตึกสูงชนิดต้องแหงนคอตั้งบ่าถึงจะมองเห็นยอดได้
University of Hong Kong ที่อยู่ชานเมืองเช่นกัน จึงโดดเด่นด้วยอาคารเรียนซึ่งสร้างเล่นระดับไปตามภูเขา บางตึก(อย่างที่เห็นในรูปด้านขวา)ก็มีเสาโครงสร้างขนาดมหึมาแต่หน้าตาเก๋ๆ ค้ำยันอยู่บนพื้นต่างระดับกัน เพื่อให้ตัวตึกเป็นแนวระนาบ เราแวะเข้าไปเดินเล่นและชม University Museum and Art Gallery จนครบหนึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทางต่อ
ที่พักอาศัยกลางอากาศของคนฮ่องกง และตึกเสาเท่ของ U. of Hong Kong |
เริ่มวิ่งเลียบเกาะที่ Victoria Road (กม. 5)
ออกจากมหาลัย มุ่งหน้าสู่ชายฝั่งด้วยถนนที่ลาดลงเขา ทางเท้าแม้จะเป็นอิฐตัวหนอนแต่ก็ราบเรียบเสมอกัน ไม่มีอิฐเผยอให้สะดุด หรือพร้อมจะทำข้อเท้าพลิกเมื่อเหยียบผิดเหลี่ยม เราจึงเริ่มออกวิ่งเหยาะๆ สังเกตคนที่เดินสวนมา ไม่มีทีท่าว่าเขาจะเห็นการวิ่งตอนเที่ยงครึ่งของเราเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด คงเป็นเพราะช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น (16 องศาเซลเซียส) และไม่มีแดดเลยทั้งวัน
ลงเขาไปไม่นานก็ถึงเขตชุมชนติดทะเลที่เรียกว่า Kenedy Town อันที่จริงแถวนี้มีร้านอาหารชื่อดังหลายแห่ง แต่เราแค่วิ่งผ่านเพื่อจะไปออกถนนเลียบชายฝั่งด้านตะวันตกของเกาะที่ชื่อ Victoria Road เท่านั้น...เอาล่ะ การวิ่งรอบเกาะที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว ณ จุดนี้
เราวิ่งตาม Victoria Road ลงใต้ไปเรื่อยๆ พร้อมกับจำนวนรถที่เบาบางลง ด้านซ้ายเป็นภูเขาและป่า ด้านขวาเป็นทะเล แม้จะไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดข้างทาง แต่ถนนก็มีทางเท้าตลอดสาย บางช่วงมีคานเหล็กกั้นให้อุ่นใจด้วย วิ่งไปก็ให้รู้สึกอิจฉาคนฮ่องกง ที่รัฐบาลของเค้าให้ความสำคัญกับคนเท่าๆกับรถ ไม่เหมือนประเทศแถวนี้เลยจินๆ
Kenedy Town และวิวงามๆบน Victoria Road |
ที่นี่นอกจากคนเป็นจะอยู่บนเขาแล้ว คนตายก็อยู่บนเขาด้วย เราวิ่งเพลินๆประมาณกม. 7.5 ก็เห็นแต่ไกลว่าเนินเขาลูกข้างหน้ามี texture แปลกๆ เมื่อเข้าไปใกล้อีกนิดจึงรู้ว่ามันคือสุสานของชาวคริสต์นั่นเอง ในหนังฝรั่งเคยเห็นแต่สุสานบนพื้นที่ราบกว้างใหญ่ แต่เนื่องจากฮ่องกงไม่มีที่ชนิดนั้นเหลืออีกแล้ว หลุมศพจึงต้องย้ายมาอยู่บนเนินเขาแทน เดาว่าคงควบรวมไปกับความเชื่อเรื่องฮวงซุ้ย ที่ต้องหันหน้าออกทะเลหันหลังพิงเขาด้วยนั่นแล ดูอลังการน่าตื่นตาตื่นใจดีค่ะ แต่วิ่งกลางคืนคงหง่างเหง่งวังเวงแว่วน่าดู
สุสานชาวคริสต์ริมถนน Victoria |
แวะดูชาวเรือที่ Aberdeen Promenade (กม. 13)
วิ่งมาจนสุด Victoria Road เข้า Aberdeen Praya Road ซึ่งเป็นถนนทางทิศใต้ของเกาะไปได้ไม่นานก็เห็น "สะพานปลาฮ่องกง" หรือ Aberdeen Wholesale Fish Market อยู่ทางด้านขวา ชาวประมงจะเอาเรือมาจอดที่ท่าน้ำแล้วเอาปลาขึ้นมาขายกันสดๆบนตลาดเลย เราไปถึงตอนที่ตลาดวายแล้วเลยไม่ได้แวะเข้าไปดู แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า คนฮ่องกงยังทำประมงกันอยู่จ้ะ ไม่ได้ทำแต่อาชีพด้านอุตสาหกรรมอย่างที่เราเคยคิด
ถัดจากสะพานปลาขึ้นไปคืออนุสรณ์สถานแห่งชาวประมง หรือ Aberdeen Promenade เป็นสวนสาธารณะยาวเลียบอ่าว ประดับด้วยรูปปั้นที่แสดงถึงวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวฮ่องกงก่อนจะกลายเป็นเมืองท่าสำคัญของโลกอย่างในปัจจุบัน นั่นคือการทำประมง นัยว่าหมู่บ้านแรกๆที่คนมาตั้งถิ่นฐานในเกาะนี้ก็คือแถบอเบอร์ดีนนี่เอง (ซึ่งแต่ก่อนไม่ได้เรียกว่าอเบอร์ดีนแน่นอน)
สวนนี้วิวงามมากค่ะ ที่ชานกว้างเลียบทะเลเราจะได้เห็นเรือประมงใกล้ๆ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เห็นบ้านเรือนแพที่ตากปลาเค็มขายหน้าบ้าน (ไม่รู้หลงมาได้ยังไง) แบ็คกราวน์เป็นคอนโดสูงปรี๊ดที่แย่งกันขึ้นอย่างแออัดอยู่บนเกาะฝั่งตรงข้าม ดูฮ่องก๊งฮ่องกง
Aberdeen Promenade |
ขึ้นเขายาวๆ กับ Nam Fung Road (กม. 15.8)
ยืนยันความปลอดภัยด้วยภาพข้างล่าง มีเด็กประถมประมาณป.4-5 วิ่งสวนเราไปด้วย คนที่เห็นนี่คงเป็นมือวางอันดับหนึ่ง เพราะนำเพื่อนมาลิ่วเลย คาดว่าคงเป็นชั่วโมงพละของน้องๆเหล่านี้ น่าอิจฉาอีกแล้ว ^ ^ บ้านเราคงทำแบบนี้ไม่ได้ เด็กๆ วิ่งได้เฉพาะในโรงเรียนหรือในสนามกีฬาเท่านั้น
ระหว่างทางบน Num Fung Road |
เจอสวนลุมเวอร์ชั่นลอยฟ้าโดยบังเอิญ (กม. 21.5)
ความสนุกของการวิ่งต่างถิ่นคือการหลง ดังนั้นเราจึงขอหลงบ้างค่ะ!! แหม่ม่ม่ ก็นึกว่าจะรอดแล้วเชียว!! เพราะเราตามเส้นทางของนักวิ่งคนนึงที่สร้าง route ไว้ใน Endomondo มาจนป่านนี้ก็ดูราบรื่นดี มาสับสนก็อีตรงวงเวียนข้างล่างนี่แหละ ดูแล้วไม่แน่ใจว่าเค้าไปทางไหน แต่ไอ่ถนนตรงกลางสีแดงๆ เล็กๆ นี่ไม่ใช่แน่ ท่าทางจะเป็นสวนหย่อมประจำหมู่บ้านเสียมากกว่า อย่ากระนั้นเลย ออกขวาดีกว่าเพราะดูแล้วเป็นทางลงเขา ดูเมคเซ้นส์กว่า เพราะเรากำลังจะมุ่งหน้าไปในเขตเมืองซึ่งอยู่ตีนเขานี่นา ...ปรากฏว่ามันก็ลงเขาจริงๆนั่นแหละค่ะ แต่ฟุตปาธที่ข้าพเจ้าเคยชมเชยนักหนา ว่ามีตลอดทางแม้ถนนจะผ่านเข้าไปในป่าเขา กลับหายไปเฉยๆ ซะงั้น!! ข้อยไม่กล้าวิ่งบนถนนเด้อ รถที่นี่ดุหลาย T_T
เราเลยย้อนกลับมาที่วงเวียนใหม่ ออกซ้ายอย่างมั่นใจแม้มันจะขึ้นเขา เพราะเชื่อลึกๆว่า มันต้องมีทางให้คนเดินลงเขาเข้าเมืองได้สิ วิ่งขึ้นไปเกือบกิโล จึงเจอป้ายชี้ขึ้นไปตามถนนว่า "The Peak" !! พุทธิปัญญาบังเกิด ถ้าวิ่งไปเรื่อยๆ แกคงไม่ได้เข้าเมืองหรอกจ่ะ แต่ได้ขึ้นไปชมวิวยอดเขาที่สูงที่สุดในฮ่องกงแทน!! แง้...แล้วข้อยจะลงเขายังไง รถเมล์ก็มี ป้ายก็อยู่ตรงวงเวียนนี่แหละ แต่ข้อยไม่อยากนั่ง มันเสียฟอร์ม T_T
ด้วยความเชื่อมั่นในนักวิ่งผู้สร้าง route ท่านนั้น (ใครก็ไม่รู้) ว่าคงไม่หลอกดาว และความเชื่อว่ามันต้องมีทางให้เดินลงเขา เราเลยลองวิ่งเข้าไปในสวนหย่อมดู ครั้งสุดท้ายละ ถ้าเจอทางตันก็แค่เดินคอตกกลับมาขึ้นรถเมล์...แต่มันไม่ตันวุ้ย!! แถมวิ่งไปๆ เจอฝรั่งท่าทางเป็นนักวิ่งตัวจริงสวนทางมาด้วย เปิดแผนที่ในสมาร์ทโฟนที่เหลือแบตอยู่น้อยนิด จึงเห็นว่า Fitness Trail เส้นนี้ลากยาวเลียบเขาหลายกิโลเมตรลงสู่ตัวเมือง !! Yesss!! รอดอายแล้วเรา ^ ^
จุดเริ่มต้น (สิ้นสุด) ของ Bowen Trail |
นี่แหละ คือที่มาของการค้นพบ Bowen Fitness Trial หรือที่เราเรียกว่าสวนลุมลอยฟ้า โดยบังเอิญ คนส่วนมากเข้ามาวิ่งเส้นนี้จากในเมือง ถ้าวิ่งขึ้นเขามาจนสุดทางตรงวงเวียนที่เราเห็นจะได้ระยะทางเกือบ 4 กม. ไปกลับก็ 8 กม.สบายๆ
เส้นทางก็อย่างที่เห็นในรูปค่ะ เป็นถนนลาดยาง เก่าไปนิดแต่ก็ดีกว่าวิ่งบนอิฐตัวหนอน ที่เด็ดคือวิวตะหาก ด้านนึงเป็นภูเขาต้นไม้ร่มครึ้ม ด้านนึงเป็นยอดตึก มองเลยไปไกลๆโน่นคือทะเล หาอย่างงี้ได้ที่ไหนอีก!! มีที่ยืดเหยียด มีห้องน้ำสะอาด ทิชชู่เหลือเฟือ ไม่มีอย่างเดียวคือซุ้มขายน้ำ ไม่รู้เหมือนกันว่าที่วิ่งๆ กันอยู่เค้าเอาน้ำที่ไหนกิน
แต่ที่แน่ๆ ถ้ามีโอกาสมาฮ่องกงครั้งหน้า เราจะไม่พลาดเส้นทางนี้แน่นอนค่ะ ^ ^
ระหว่างทาง Bowen Trail |
หมายเหตุ
City Run ครั้งนี้ไม่ต้องแบกเป้น้ำไปนะคะ แม้จะวิ่งออกนอกเมืองแต่ก็สามารถซื้อน้ำดื่มและน้ำเกลือแร่จาก mini mart ตามปั๊มได้ ตลอดเส้นทางมีปั๊มสองจุดคือปั๊มเชลล์บน Victoria Road ประมาณกม.ที่ 9.5 และปั๊มเอสโซ่บน Wong Nai Chung Gap Road ประมาณกม.ที่ 18.4 แต่ต้องใช้เงินสดค่ะ ใช้บัตร Octopus แบบในเซเว่นฮ่องกงไม่ได้
ปั๊มน้ำมันบนเส้นทางรอบเกาะฮ่องกงฝั่งตะวันตก |
สถานที่แนะนำอื่นๆ สำหรับนักวิ่ง
Avenue of the Star
ถ้าใครพักย่าน Tsim Sha Tsui หรือ Mong Kok แนะนำอย่างแรงให้วิ่งเส้นนี้ค่ะ อย่างที่เห็นในรูป มันคือถนนกว้างขวางปูกระเบื้องและหินดูอลังการ (พื้นผิวที่นักวิ่งไม่ชอบ แต่ก็พอไหวนะ) แล่นยาวโอบรอบทิศใต้ของฝั่งเกาลูน ดังนั้นทัศนียภาพที่คุณจะได้เห็นคือด้านหนึ่งเป็นเมือง อีกด้านเป็นทะเล ไกลออกไปคือตึกระฟ้าในฝั่งเกาะฮ่องกง เดินจากโรงแรมไหนในย่านนี้ก็ไม่ไกลทั้งนั้น วิ่งได้ทั้งเช้าเย็นยันค่ำมืดเพราะไม่เปลี่ยว นักวิ่งเจ้าถิ่นวิ่งกันขวักไขว่
พูดถึงนักวิ่งเจ้าถิ่น คนที่นี่เค้าวิ่งในย่านช้อปปิ้งเซนเตอร์กันเป็นเรื่องปกติ เทียบกับบ้านเราก็เหมือนวิ่งบนฟุตปาธแถวพารากอน เซ็นทรัลเวิร์ล ประมาณนี้เลยอะค่ะ (แต่ฟุตปาธบ้านเค้าไม่มีรถเข็นและหลุมบ่อเฉอะแฉะ) แต่ละคนแต่งตัวเหมือนหลุดออกมาจากแคตาล็อก Nike ยังไงยังงั้น เดาว่าคงวิ่งจากปลายสุดของ Avenue of the Star แล้วผ่ากลางเมืองมาที่ปลายอีกด้านหนึ่งนั่นเองเพื่อให้เป็นลูป ใครไม่อยากวิ่งไป-กลับก็ใช้สูตรนี้ได้นะคะ ฮ่องกงเกี้ยนเค้าไม่แตกตื่นกันแน่นอน ^ ^
Avenue of the Star |
Mid-Level Escalator
นักวิ่งที่อยากฝึกขนมชั้น วิ่งขึ้นบันได แต่ไม่อยากวิ่งลงบันไดเพราะไม่ดีต่อสุขภาพเข่า แนะนำว่าอย่าพลาดทางเลื่อน(หรือบันไดเลื่อน)แห่งมิดเลเวลค่ะ
ก่อนหน้านี้คนที่อยู่ในย่าน Mid-Level (ซึ่งชื่อก็บอกแล้วว่าอยู่บนเขาในความสูงระดับกลางๆ) ถ้าจะเข้าเมืองมาทำงานตอนเช้า หรือจะออกจากเมืองกลับบ้านตอนเย็น ก็ต้องอาศัยรถล้วนๆ เพราะแม้ระยะทางจะใกล้แค่กิโลเมตรเดียวแต่ต้องขึ้นเขา...อาเจ็กอาอึ้มหรือแม้แต่ตี๋หมวยก็เดินไม่หวายยย ทำให้เกิดภาวะรถติดโดยใช่เหตุ ดังนั้นทางการฮ่องกงเลยเกิดไอเดียกระฉูด สร้างบันไดเลื่อนขึ้นเขา ความยาวร่วม 800 เมตร ให้ซะเลย สรุปว่าได้ผลชะงัด คนเปลี่ยนมาสัญจรด้วยเท้า แก้ทั้งรถติดแถมยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย เพราะนี่คือทางเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลกจ้ะ!!
Mid-Level Escalator |
จากรูปซึ่งเราไปในตอนสายๆ จะเห็นว่าทางเลื่อนถูกปรับให้เลื่อนลงแทน (ตั้งแต่ 6 โมงถึง 10 โมง) เพื่อรับคนจากบนเขาลงมาในเมือง ตอนนี้แหละเหมาะนักสำหรับคนอยากกินขนมชั้น เพราะเราสามารถวิ่งขึ้นบันไดที่เค้าทำขนานไว้กับทางเลื่อนไปจนสุดทางที่ Conduit Road แล้วขากลับก็ลงบันไดเลื่อนกลับมาสวยๆโดยไม่ต้องทำร้ายเข่าแต่อย่างใด จะวิ่งขึ้นอีกกี่รอบก็ได้ตามแต่กำลัง Quad ของท่านเลย
อันที่จริงทางเลื่อนนี้ไม่ได้ยิงยาวต่อเนื่องกัน 800 เมตรนะคะ ในช่วงที่พาดข้ามถนนสายต่างๆก็จะกลายเป็นสะพานลอยที่ต้องออกแรงเดินเอง มีทางลงไปยังถนนเหมือนสะพานลอยทั่วไป สองข้างทางมีร้านรวงให้ดูเพลินๆ ผ่านย่านชิคๆ ของเมืองให้แวะเที่ยวได้ด้วย
วันนั้นเราขึ้นไปได้สูงสุดแค่ Robinson Road ตามภาพเพราะใกล้ 10 โมงแล้ว ต้องรีบกลับไม่งั้นบันไดจะเปลี่ยนเป็นเลื่อนขึ้น และข้าพเจ้าต้องเดินลง 555+ แค่เดินขึ้นมาเพียงเท่านี้กล้ามเนื้อหน้าขาก็เริ่มประท้วงแล้ว ดังนั้นมั่นใจเถิดว่าถ้าวิ่งขึ้นจนสุดทาง ท่านจะได้ลิ้มรสขนมชั้นที่แสนเอร็ดอร่อยแน่นอน หึๆๆ
โพสต์ที่เกี่ยวข้อง
ชวนเพื่อนนักวิ่งและนักปั่นมาร่วมสร้าง ROUTE ใน Endomondo กันเถอะค่ะ
วิธีค้นหาเส้นทางวิ่งด้วยฟีเจอร์ ROUTES ของ Endomondoโพสต์ที่เกี่ยวข้อง
ชวนเพื่อนนักวิ่งและนักปั่นมาร่วมสร้าง ROUTE ใน Endomondo กันเถอะค่ะ
สนุกจัง มีภาค 2 ไหมครับเนี่ย แล้วไปวิ่งนี่ใช้แผนที่ยังไงครับ ปริ้นออกมาเป็นกระดาษหรือดูจากโทรศัพท์
ReplyDeleteส่วนเรื่องการวิ่งในเมือง วิ่งตอนเที่ยงตอนบ่ายนี่ เคยเห็นบ่อยๆในหลายๆเมืองครับยกเว้นเมืองไทย ตัวผมเองเคยไปวิ่งที่ญี่ปุ่นตอนนั้นอากาศหนาว ไม่ได้เตรียมชุดมาด้วย ก็จัดเชิ้ตแขนยาว กางเกงslackวิ่งไปเลยครับ ชาวบ้านชาวช่องก็ไม่เห็นเค้ามาสนใจว่าไอ้นี่ท่าจะบ้า(หรือ เค้าคิดในใจแต่ไม่รู้เอง 555)
ปล.เรื่องขี้ไคล มันก้อนไม่ใหญ่หรอกครับ เพราะนานๆน้ำ มันจะระเหยออก แล้วมันก็จะกลายเป็นฝุ่นไม่เกาะกันครับ เผื่อสนใจจริงๆอิอิ
ก่อนอื่น ขอบคุณค่ะสำหรับประสบการณ์เรื่องขี้ไคล เลอค่ามาก ^ ^
Deleteได้แรงบันดาลใจจากหนังจีนสมัยเด็กๆ เรื่อง อภินิหารจี้กง อะไรประมาณนี้ แต่ไม่เคยลองทำดูซักที วันนี้ได้รู้ซักที
มั่นใจว่าคราวหน้า ถ้าคุณไม่ระบุชื่อได้ไปต่างประเทศ ต้องไม่ลืมพกชุดวิ่งไปด้วยแน่นอน ใช่ป่าวคะ ^ ^
จบแค่นี้ค่ะไม่มีภาค 2 หมดไส้หมดพุงแย้ว
ส่วนแผนที่ เราโหลด route ที่คนอื่นสร้างไว้ เข้าโทรศัพท์แล้วเปิดด้วยแอพ GPX viewer ค่ะ
ดูรายละเอียดได้จากโพสต์นี้
http://oorrunningblog.blogspot.com/2013/08/how-to-find-running-route-when-going.html
This comment has been removed by the author.
ReplyDeleteมั่นใจว่าต้องมี ภาค2 ก็ยังเหลือ the peak ที่ยังไม่ได้พิชิตเล้ย ^-^
ReplyDeleteเก็บตังค์แพ้พพพ
Deleteน่าสนุกดีจังนะครับ^^
ReplyDeleteขอบคุณค่ะ ไปเที่ยวที่ไหนก็วิ่งแล้วเขียนเล่าไว้บ้างนะคะ อยากอ่านเหมือนกัน
Deleteขอบคุณมากเลยค่ะ กำลังหาทางไปวิ่ง Bowen Fitness Trial ที่เจอใน Trip Advisor อยู่เลยค่ะ
ReplyDeleteยินดีค่ะ
Deleteสรุปแล้วได้ไปป่าวคะ เป็นไงบ้างเอ่ย
กำลังจะไปปลายเดือนนี้ ว่าจะแว้บไปวิ่ง 7-8 โลบ้างค่ะ ไม่รู้ว่าจะสามารถหรือเปล่า กลัวพลังหมดก่อนค่ะ แต่ก็จะติดชุดไปด้วย :D :D
ReplyDeleteมันเยี่ยมมาก อย่าพลาดนะคะ
Deleteอากาศเย็นสบาย วิ่งขึ้นเขายังได้เลย