เมื่อมีปรากฏการณ์ที่น่าประทับใจเกิดขึ้นในวงการนักวิ่ง (ซึ่งจะได้เล่าในคราวถัดไป) นิทานปลาดาวก็ถูกเรียกออกมาจากลิ้นชักความทรงจำโดยอัตโนมัติ ไม่มีเรื่องเล่าใดจะเหมาะสมกับปรากฏการณ์ดังกล่าวเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว เราค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเพื่อตรวจเช็คว่ามีอะไรตกหล่นไปบ้างไหม หลังจากเก็บไว้เงียบๆ ไม่ได้เล่าให้ใครฟังมา 20 ปี จึงได้พบว่านิทานปลาดาวคือเรื่องเล่ายอดฮิตของชาวค่ายอาสาฯ (จริงหรา!! เค้าก็ออกค่ายนะ ทำไม่ไม่เคยได้ยินแว้) และที่ทำให้ประหลาดใจกว่านั้นก็คือ จริงๆแล้วมันเป็นนิทานสร้างแรงบันดาลใจที่ฮิตมากของฝรั่ง ฝรั่งหลายคนเล่าต่อๆกันมาโดยไม่รู้ว่าต้นฉบับคือใคร บางคนใส่เครดิตว่า anonymous เสียด้วยซ้ำ
จากวิกิพีเดีย ต้นฉบับของนิทานปลาดาว หรือ "The Star Thrower" นี้เป็นบทความ 1 ใน 10 เรื่องที่รวมอยู่ในหนังสือชื่อ The Unexpected Universe ที่ตีพิมพ์ในปี 1969 ของนักวิทยาศาสตร์ด้านมนุษยวิทยา (ประมาณเดียวกับหมอดาริน วราฤทธิ์ กระมัง) นามว่า Loren Eiseley เวอร์ชั่นดั้งเดิมของมันมีเนื้อเรื่องค่อนข้างยาว และไม่ได้ดราม่า ความประทับใจไม่ได้เกิดปุบปับฉับพลัน แต่เกิดจากการค่อยๆเล่าถึงความสัมพันธ์ต่างๆระหว่างคน สัตว์ และจักรวาล ตามประสานักวิทยาศาสตร์ กระนั้นก็มากพอที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอ่านนำเค้าโครงเรื่องไปเล่าใหม่ให้กระชับ และกระทบใจในทันทีที่ฟังจบ นิทานปลาดาวเวอร์ชั่น”เล่าใหม่”นี้เอง ที่เราได้ฟังจากเพื่อน
เนื่องจากผ่านการเล่าต่อๆกันมาอย่างยาวนาน นิทานปลาดาวเล่าใหม่ในแต่ละแหล่งจึงมีความแตกต่างกันในรายละเอียดเล็กน้อยเช่น ตัวละครดั้งเดิมที่เคยเป็นชายแก่กับชายหนุ่ม ก็กลายมาเป็น ชายแก่กับเด็กหญิงผู้ขว้างปลาดาวบ้าง ชายหนุ่มกับชายแก่ผู้ขว้างปลาดาวบ้าง อย่างไรก็ตามเนื้อเรื่องและ”สาร”ที่ต้องการสื่อยังคงเหมือนเดิม ในที่นี้จะขอเล่าเวอร์ชั่นที่ใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุดจากเว็บของฝรั่งนักสร้างแรงบันดาลใจคนหนึ่ง
กาลครั้งหนึ่ง ยังมีนักเขียนคนหนึ่งที่มีกิจวัตรชอบออกไปเดินเล่นตามชายหาด ก่อนเริ่มงานเขียนของเขาทุกวัน วันหนึ่งขณะที่เดินเล่นตามปกติ เขาสังเกตเห็นว่าที่ริมฝั่งมีใครบางคน มองไกลๆเหมือนกำลังเต้นรำอยู่ เขานึกขำอยู่ในใจว่าใครหนอมาเต้นรำแต่เช้า ว่าแล้วก็สาวเท้าเข้าไปดูให้แน่ใจ ต่อเมื่อเข้ามาจนใกล้ นักเขียนจึงได้เห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และสิ่งที่เขาทำไม่ใกล้เคียงกับการเต้นรำแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มกำลังเดินขึ้นลงระหว่างชายฝั่งและชายหาด เพียรเก็บวัตถุเล็กๆบางอย่างขึ้นมา แล้วขว้างมันลงทะเลครั้งแล้วครั้งเล่า
นักเขียนเดินเข้าไปแล้วกล่าวทัก “สวัสดีพ่อหนุ่ม ขอถามหน่อยได้มั้ย เธอทำอะไรอยู่”
ชายหนุ่มชะงัก มองมาแล้วตอบว่า “ผมกำลังขว้างปลาดาวกลับลงทะเลครับ”
“ทำไมเธอต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ” นักเขียนถามด้วยความประหลาดใจ
“พระอาทิตย์กำลังขึ้น และน้ำทะเลกำลังลง ถ้าผมไม่โยนมันกลับลงน้ำ มันก็จะต้องตาย” ชายหนุ่มตอบ
“แต่นี่แน่ะพ่อหนุ่ม เธอไม่เห็นหรอกรึว่าชายหาดมันทอดยาวออกไปตั้งหลายกิโลเมตร และปลาดาวก็มีอยู่เกลื่อนไปตลอดทาง ที่เธอทำลงไปมันไม่ช่วยให้อะไรแตกต่างหรอก”
ชายหนุ่มไม่ว่าอะไร เขาก้มลง หยิบปลาดาวขึ้นมาอีกตัวแล้วขว้างลงทะเล เมื่อเห็นว่ามันลงน้ำไปแล้ว เขาจึงกล่าวกับนักเขียนว่า “ ก็แตกต่างที่ปลาดาวตัวนั้นไงครับ"
***ให้เวลาสงบนิ่งนิดนึง เพื่อตีความตามใจปรารถนา ระหว่างนี้ ดูคลิปนิทานปลาดาวของฝรั่งแกล้มไปพลางๆก่อน***
ปลาดาวที่อาจจะต้องตาย 1,000,000 ตัวหลังจากที่นักเขียนออกความเห็น ลดลงมาเหลือ 999,999 ตัวหลังจากเด็กหนุ่มขว้างมันออกไป ... เช่นนี้ ยังไม่นับว่าแตกต่างอีกหรือ? ในอีกมุมหนึ่ง การที่ปลาดาวตัวนั้นเปลี่ยนสถานะจาก "รอวันตาย" มาเป็น "ได้มีชีวิตอีกครั้ง" สิ่งนี้สำหรับปลาดาวแล้ว จะไม่เรียกว่าแตกต่างได้อย่างไร?
ป.ล. อันที่จริงเมื่อนิทานจบแล้ว ห้องทั้งห้องจะต้องเงียบสงัด เพื่อปล่อยให้ผู้ฟังไปตีความกันเอาเองตามจริตของตน เช่นนั้นจึงจะทำให้ซาบซึ้งตรึงตรา แต่เนื่องจากเราต้องการจะใช้นิทานนี้โยงไปยังเรื่องภายภาคหน้า จึงต้องขอตีความกันต่อหน้าธารกำนัลเลย เผื่อมีใครอ่านแล้วงง ว่าแกอินอาร้ายยยยย 555+)
แถมเกร็ดเล็กน้อยก่อนจบ
- ชื่อ star thrower ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย เช่นมูลนิธิ Star throwers เพื่อให้การดูแลและให้คำปรึกษาผู้ป่วยโรคมะเร็งของอังกฤษ, แคมเปญ Star throwers ของบริษัทผลิตคูลเลอร์น้ำที่จัดหาน้ำดื่มให้กับเด็กยากจนในทวีปอาฟริกา
- ฮอลลีวู้ดเคยจับนิทานปลาดาวมาเล่า ผ่านเอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ในเรื่อง Holy Man เราไม่เคยดูเหมือนกัน หนังเก่าตั้งแต่ปี 98 แล้ว ใครเคยดู เล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ
อ่าน"The Star Thrower" ฉบับดั้งเดิมได้ที่นี่
สิ่งที่เราทำตามความเคยชินมาตลอด
ReplyDeleteอาจเป็นคนละเรื่องเลยกับสิ่งที่ถูกต้อง ที่ควรทำ
สิ่งที่เราทำตามความเคยชินมาตลอด
เปลี่ยนแปลงได้ หากเราอยากจะทำ
สิ่งที่เราทำตามความเคยชินมาตลอด
แท้จริงแล้วมีวิธีทำแบบอื่นอีกตั้งมากมาย
และแท้จริงความลำบากไม่มี มีแต่ความไม่เคยชิน
:)
ขอตอบคอมเมนท์สั้นๆแค่นี้ เพราะไม่อยากถูกสงสัยว่าเป็นสแปม
ฮ่าๆๆ แต่ทุกครั้งที่อ่านบทความของพี่แล้ว ได้อะไรดีๆมากมายเสมอค่ะ
ตอนนี้มีหลากหลายความคิดวิ่งพล่านในหัว จำเป็นต้องได้รับการสลายพลังงานด่วนๆๆ
แต่ก่อนอื่น ต้องรีบไปแบ่งปันสิ่งดีๆเหล่านี้กับคนอื่นก่อนล่ะน้า ^___^
ขอบคุณแง่คิดดีๆจ้ะน้องม้วน
Deleteอย่างนั้น ถ้ามีสิ่งใดที่น่าจะดีกว่าเดิม เรารีบมาเปลี่ยนกันเถอะนะ
เปลี่ยนก่อน ก็ชินก่อน ชิลล์ก่อน สบ๊ายยยย
ชอบนิทาน ครั้งนี้ชื่อว่า นิทานปลาดาว (1) ต้องมี (2) แน่เลย
ReplyDeleteปล. verification code แสนสยองทุกครั้ง
แม่นแล้วจ้ะน้องหลิน
Deleteมีต่อภาค 2 แต่ต้องรออารมณ์ศิลปินและความปลอดโปร่งจากการงานก่อน
อันหลังนี่หายากจริงๆ T_T
ฮั้วนึกถึงหนักที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับเรื่องนี้ที่สุด และเป็นหนังที่ประทับใจมาก ๆ คือ "Pay it forward"
ReplyDeleteเป็นหนังในดวงใจใครหลายคนเลยนะคะคุณฮั้ว หนาหูมากมาย
Deleteต้องหามาดูบ้างซะแล้ว
ขอแนะนำเลยค่า ^_^
Deleteเพิ่งย้อนกลับมาอ่านเจอ ^^
ReplyDelete....นักเขียนเดินเข้าไปแล้วกล่าวทัก “สวัสดีพ่อหนุ่ม ขอถามหน่อยได้มั้ย เธอทำอะไรอยู่”
ชายหนุ่มชะงัก มองมาแล้วตอบว่า “ผมกำลังขว้างปลาดาวกลับลงทะเลครับ”
“ทำไมเธอต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ” นักเขียนถามด้วยความประหลาดใจ
“พระอาทิตย์กำลังขึ้น และน้ำทะเลกำลังลง ถ้าผมไม่โยนมันกลับลงน้ำ มันก็จะต้องตาย” ชายหนุ่มตอบ
“แต่นี่แน่ะพ่อหนุ่ม เธอไม่เห็นหรอกรึว่าชายหาดมันทอดยาวออกไปตั้งหลายกิโลเมตร และปลาดาวก็มีอยู่เกลื่อนไปตลอดทาง ที่เธอทำลงไปมันไม่ช่วยให้อะไรแตกต่างหรอก”
ชายหนุ่มไม่ว่าอะไร เขาก้มลง หยิบปลาดาวขึ้นมาอีกตัวแล้วขว้างลงทะเล เมื่อเห็นว่ามันลงน้ำไปแล้ว เขาจึงกล่าวกับนักเขียนว่า “ ก็แตกต่างที่ปลาดาวตัวนั้นไงครับ".... ^^
เนอะะะ
Deleteเรื่องเล่าสั้นๆ แต่พลิกวิธีคิด เปลี่ยนมุมมองเราไปตลอดกาลได้เลย
สุดยอดจริงๆ
สุดยอดเลยครับ เพิ่งเคยได้อ่าน ตามเฮีย charnwit kiatchaipipat
ReplyDeleteขอบคุณคุณ damix ที่ตามเฮียลิปเข้ามาอ่านนะคะ ^ ^
Delete