Monday, September 30, 2013

ทำไมฉันจึงรักรถพับ | 10 comments:

วันสุดท้ายของเดือนแหล่ว แต่ยังไม่ได้เขียนโพสต์ที่ 4 เลยแม้แต่บรรทัดเดียว โปรเจคในหัวมีเยอะมากกกก แต่ productivity เป็น 0 ^ ^" คิดไปคิดมา...อุทิศโพสต์สุดท้ายแห่งเดือนให้กับลูกรักดีกว่า เขียนได้ไหลลื่นแน่นอน เพราะกำลังเห่อ ^____^

สองสามเดือนมานี้เราหันมาปั่นจักรยานควบคู่กับการวิ่ง เหตุผลเบื้องต้นก็อย่างที่เคยได้เล่าไว้แล้วในโพสต์ "4,000 กิโลเมตรแล้วจ้า"  นั่นคือ อยากออกกำลังกายในโซน Fat burn เพื่อขยายขอบเขตการใช้ไขมันให้กว้างขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการวิ่งระยะไกลๆ ระดับฟูลมาราธอนขึ้นไป และอยากหากีฬาอื่นๆเล่นบ้าง เพื่อความสนุกสนานของชีวิตและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ (จากการตะบี้ตะบันวิ่งเพียงอย่างเดียว)

หะแรก เราเลือกรถพับด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ "ยกขึ้นห้องหนีโจรได้" ^ ^ เพราะที่โรงเรียนของเรา โจรขโมยจักรยานชุกชุมยิ่งนัก ขนาดรถกะโหลกกะลาที่ซื้อจาก Lotus คันละพันกว่าบาทก็ยังหาย (รถเราหายมาแล้ว 2 คัน) ต่อเมื่อขี่มาได้ซักพัก พาออกทริปอีกเกือบสิบหน จึงได้รู้ว่า รักรถพับมากกกกกก ให้ซื้อใหม่ก็จะซื้อรถพับอีก ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน ...เหตุไรจึงเป็นเช่นนั้น เราจะเล่าให้ฟังค่ะ

Dahon (รุ่นอะไรไม่ได้จำ) ท่ามกลางรถ Lotus ที่ลานจอดใต้หอ...มันน่าหายจริงๆ



ยกได้ ไม่ลำบาก
เพนกวิ้นของเราเป็นรถพับขนาดล้อ 20 นิ้ว เฟรมโครโมลี น้ำหนักประมาณ 12 กก. ต้องยอมรับว่าหนัก แต่ก็อยู่ในวิสัยที่ผู้หญิงบอบบางน่าทนุถนอม ;p สามารถยกขึ้นบันไดไปชั้น 3 ของหอพักได้ทุกวัน ยกขึ้นสะพานลอยข้ามถนนวิภาวดีฯ อันสูงชันก็ทำมาแล้ว เพราะขนาดของรถที่เล็ก จับโครงยกได้อย่างถนัดมือโดยไม่จำเป็นต้องพับก่อน (ถ้าพับจะยกยากกว่า)

ในขณะที่ถ้าเป็นเสือหมอบ ถึงแม้จะเบากว่า แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่โต ผู้หญิงสูง 162 อย่างเราคงไม่สามารถยกให้ไม่ไปเกี่ยวกับราวกันตก หรือไม่ให้ล้อสะดุดขั้นบันไดชันๆ ได้

คุณสมบัตินี้สำคัญเช่นไร ...แน่นอน หนึ่งคือถ้ายกเก็บได้ ชาวหอเช่นข้าพเจ้าก็ไม่ต้องห่วงรถหาย สองคือ ถ้ายกขึ้นสะพานลอยได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร เราก็จะสามารถใช้รถพับในการเดินทางได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ถนนไหนรถวิ่งกันเร็ว ไม่กล้าเสี่ยงขี่เพื่อกลับรถบนถนนก็แบกขึ้นสะพานลอยแทน ถนนไหนรถเยอะก็เข็นขึ้นฟุตบาธ เรียกว่า... ที่ไหนเดินเท้าได้ ที่นั่นก็เอารถพับไปได้นั่นเอง

รถพับตะลุยถนนโลกพระจันทร์

ลุยหลุมบ่อได้ ไม่เหยาะแหยะ
แม้จะไม่ off-road ได้ถึงขนาดเสือภูเขา และแม้จะไม่มีโช้คอัพ แต่เพนกวิ้นก็ไม่กลัวหลุมบ่อ เพราะเรามีสมอง-สายตา-ข้อมือ ประกอบกันเป็นโช้คอัพธรรมชาติให้อยู่แล้ว ขอแค่เพียงไม่ขรุขระไปตลอดทาง เพราะโช้คอัพนี้ใช้ได้ในระยะเวลาจำกัด ยางที่หน้ากว้างกว่ายางเสือหมอบก็แข็งแรงเพียงพอที่จะไม่แตกเมื่อต้องบดกับก้อนกรวดก้อนหิน (ซื้อรถมา 5 เดือนยางยังไม่เคยรั่วเลย) และด้วยธรรมชาติของรถพับที่มีแฮนด์ไว ก็ทำให้สามารถหลบหลีกหลุมบ่อได้อย่างคล่องตัว

คุณสมบัตินี้ทั้งหมด เมื่อรวมกันจึงทำให้รถพับสามารถปั่นลุยถนนในเมือง (นอกเมืองด้วย- ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ทางออฟโรด) ที่กำลังก่อสร้าง หรือทางลัดลงทุ่งนาระยะสั้นๆ ได้ไม่มีปัญหา เรียกได้ว่าถ้า google map มีถนนตรงไหน รถพับก็ไปได้หมด

รถพับ century ride

ไปได้เร็วและไกล เท่าที่ขายังไหว
หลายคนอาจซื้อรถพับด้วยเหตุผลคือ เอาไว้ติดท้ายรถเพื่อปั่นเที่ยวในระยะใกล้ๆ หรือเอาไว้เดินทางในกรุงเทพที่ระยะปั่นไม่ไกลมากนักและต้องขึ้นรถไฟฟ้าด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้ว จุดประสงค์ของมันก็คงเพื่อการนี้นั่นแหละ ^ ^

แต่จริงๆแล้วด้วยสรีระของรถพับเองสามารถใช้ปั่นไกลเป็น 100 กม. ได้สบายบรื๋อ แค่คุณมีความอดทนเพียงพอที่จะนั่งบนหลังอานเป็นเวลาเกือบ 6 ชั่วโมง (เทียบจากความเร็วเฉลี่ยตลอดเส้นทาง ที่อยู่ประมาณ 17 กม./ชม.) ไม่รวมแวะดื่มน้ำ พักทานข้าว ข่าวดีคือนักวิ่งมีความอึดเป็นต้นทุนอยู่แล้ว ลองออกทางไกลแล้วเพิ่มระยะขึ้นคราวละ 20-30 กม. เพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถปั่น 100 กม. ภายในวันเดียวได้แล้วค่ะ

อันที่จริงเวลาปั่นจักรยาน เราไม่เน้นความเร็วเพราะกลัวล้มแล้วจะเจ็บหนัก ...แบบว่าเคยแขนหักมาก่อน มันทรมานมาก อย่างไรก็ตามในบางครั้งถ้าถนนดีๆ ก็อยากลองทดสอบกำลังขาดูบ้างเหมือนกัน ซึ่งรถพับสามารถตอบสนองได้สบายเพราะมี 7 เกียร์ ถ้าจัดซักเกียร์ 5-6 (ยังไม่ถึง 7 ขอฝึกกำลังขาก่อน ^ ^") ก็สามารถทำความเร็วเฉลี่ยได้ถึง 25 kph เลยทีเดียวค่ะ (เยอะแล้วนะ สำหรับเรา แหะๆ)

ถนนสาย 3309 ทางเรียบ รถน้อย ทำความเร็วได้

พับได้ ไม่เกะกะ
ด้วยคุณสมบัตินี้ ทำให้รถพับได้รับอนุญาตให้ขึ้นรถไฟฟ้าได้ทุกเจ้า ไล่ตั้งแต่ BTS, MRT, BRT, Airport Link ...เขียนไปอย่างนั้นแหละ เพราะตอนนี้ตบะยังไม่แก่กล้าพอที่จะขี่จักรยานในกรุงเทพ และเอาเข้าจริงการพับจักรยานเข้าๆออกๆ และหิ้วไอ่ก้อนๆ ที่พับเสร็จแล้วไม่ใช่เรื่องหมูเลย เพราะหนัก-เปื้อน-เสียกิริยา ถ้าต้องทำทุกวันคงไม่สนุกแน่ และคงยอมแพ้นั่งแท็กซี่ไปทำงานคื้อเก่า 555+

แต่กับการปั่นไปเที่ยวเดือนละหนสองหน การต้องแบกก้อนจักรยานขึ้นรถไฟอยู่ในวิสัยที่จะอดทนได้ รฟท.อนุญาตให้แบกรถพับขนาดล้อไม่เกิน 20 นิ้วที่พับเรียบร้อยแล้วติดตัวเป็นสัมภาระเข้าไปในตู้โดยสารได้ ในขณะที่ถ้าเป็นรถประเภทอื่น ต้องนำไปเก็บไว้ในตู้สัมภาระ ซึ่งมีเป็นบางขบวนเท่านั้น

ในรูป เราขึ้นรถไฟจากต้นสาย (คือหัวลำโพง) ไปลงสถานีรังสิตซึ่งใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า คนไม่แน่น-นั่งไม่นาน เลยเอารถมาไว้กับตัวได้ กรณีที่คนแน่น แนะนำให้เก็บรถไว้ที่บริเวณอ่างล้างมือตรงหัวโบกี้ มันจะเข้าล็อกพอดีเป๊ะ ไม่กีดขวางชาวบ้านแน่นอน

รถพับ ขึ้นรถไฟตู้โดยสาร

คุณสมบัติข้อนี้ทำให้รถพับออกทริปได้ไกลขึ้น แทนที่จะไปได้เพียงรัศมี 50 กม.จากบ้านเพราะต้องเผื่อเวลากลับด้วย ขอเพียงวางแผนเรื่องตารางรถไฟดีๆ รักษาเวลา เราก็ไปได้ทุกที่ (ที่มีรถไฟผ่าน) 

แนะนำให้อ่าน
การใช้จักรยาน ร่วมกับขนส่งมวลชนอื่นๆ
การนำรถพับขึ้นรถไฟ

ด้วยคุณสมบัติทุกอย่างที่ได้สาธยายไว้เบื้องต้น รถพับจึงเหมาะกับคนที่อยู่หอ ชอบปั่นเที่ยวไกลๆ (แต่ต้องกลับภายใน 1 วัน) ตามต่างจังหวัดที่แม้จะกำลังทำถนน ต้องลุยทุ่งบ้างไรบ้างก็ไม่หวั่น ...อ้าว นี่มันตรูนี่หว่า !!

ถ้าถามว่ารถรุ่นนี้ดีแค่ไหน สเปคเป็นยังไง ตอบได้เลยว่า "ไม่รู้" 555+ เพราะตอนซื้อมีเกณฑ์แค่ 4 อย่างคือ ต้องเป็น Dahon จะจีนแดงจีนดำได้หมด เพราะเชื่อมั่นในเทคโนโลยี, ล้อ 20 นิ้ว เพราะเล็กกว่านี้ปั่นทางไกลเกรงจะหืดจับ, ราคาไม่เกิน 10,000 บาท เพราะงบมีแค่นี้, และต้องสวยถูกใจ ...เข้าเกณฑ์ 4 อย่างนี้เราก็พอใจแล้ว เพราะสำหรับเรา "รถที่ดีคือรถที่เราขี่มันบ่อยๆ" จะรถแม่บ้าน รถโลตัส ก็ดีทั้งนั้นถ้ามันแมทช์กับไลฟ์สไตล์จนทำให้เราขี่มันบ่อยๆได้

ทริป AIT-วัดหลวงพ่อโสธร 94 กม.

ฝันไว้ว่าถ้ามีโอกาส อยากทัวร์ริ่งแบบข้ามประเทศด้วยรถพับซักครั้งในชีวิต ...ก็แค่ฝันไปก่อนน่ะนะ แต่หลายๆเรื่องที่เป็นจริงขึ้นมาในวันนี้ ก็เริ่มจากคำว่า "ลองฝันดูเล่นๆก่อน" ไม่ใช่หรือ ...แล้วคุณล่ะคะ มีฝัน extremeๆ อะไรกันบ้างหรือยัง รีบฝัน รีบสานต่อให้เป็นจริงกันนะคะ

ปล. จริงๆคุณสมบัติที่ทำให้เรารักรถพับอีกอย่างคือ มันน่ารักอ้ะ!! ^____^


10 comments:

  1. มองฟิกซ์เกียร์ที่บ้านแล้วเริ่มมีอาการอยากได้รถพับอีกคัน -"-

    ReplyDelete
  2. สมัยเรียน (ม.เกษตร) ก็ใช้จักรยานเป็นพาหนะประจำ หายไป 3 คัน คันหลังสุดเก็บเงินซื้อด้วยความยากลำบาก ไม่ถึง 4,000 แต่ก็แพงสำหรับนิสิตคนหนึ่ง....สุดท้ายตอนเรียนจบบริจาคจักรยาน (โลตัส) ให้กับคณะแบบไม่แสดงตัว คือเพื่อนยืมไปใช้ แล้วไปจอดไว้สโมสรคณะ คนนู้นใช้คนนี้ใช้ไม่ได้ล็อค ก็เลยไม่ได้ไปเอาคืน....ตอนนี้คิดถึงชีวิตบนอานจักรยานมาก มันมีประโยชน์หลายอย่างเลย

    ReplyDelete
    Replies
    1. โห... 4,000 สมัยเป็นนิสิตนี่เยอะมากกกกจริงๆค่ะ
      เดาได้เลยว่าจะหัวเสียขนาดไหน
      ของเรานี่ จิตตกและแช่งไอ่โจรทุกครั้งที่เดินผ่านจุดเกิดเหตุ มันทำใจไม่ล่ายยย

      ถ้าคุณคทายุทธจะถอยคันใหม่ก็ขออวยพรให้รอดปลอดภัยจากโจรนะคะ ^ ^

      Delete
  3. ไปไม่ชวน ^_^ (เค้ามีรถพับนะ)

    ReplyDelete
    Replies
    1. ไปจิงป่าวววว
      คราวหน้าเราว่าจะออกทริปใกล้ๆ ชวนน้องอีกคนไปด้วย
      ไว้ถ้าตกลงกันแน่นอนแล้ว จะไปชวนคุณฮั้วน้า ^___^

      Delete
  4. ใช้จักรยานพับปั่นได้ 100 กว่ากิโลสุดยอดมากเลย

    ReplyDelete
    Replies
    1. ค่อยๆไปค่ะ ไม่รีบๆ
      ถ้ามีเวลา 1 วันเต็มๆ ก็ทำได้ค่ะ ^ ^
      แต่รถก็ต้องบำรุงรักษา หยอดน้ำมัน เติมลมยาง ขัดสนิม อยู่เรื่อยๆด้วยนะคะ

      Delete
  5. ไม่แคล้วจะต้องซื้อรถพับ Dahon เพราะเคลิ้มตามโพสต์นี้ จนตามไปดูตัวอย่างในเว็บของ Dahon

    ReplyDelete
    Replies
    1. 5555+ อย่างงี้ต้องเอา affiliate มาติดใน blog ซะแล้ว น่าจะได้ส่วนแบ่งเป็นกอบเป็นกำ ^ ^

      Delete

*************************************************************************************
ผักกาดๆ ถ้าข้อความไม่ขึ้น นั่นแปลว่า blog คิดว่าข้อความของท่านเป็น spam ไม่ต้องกังวลค่ะ comment เหล่านี้จะตกไปอยู่ที่กล่อง spam รอให้เจ้าของ blog มาตรวจสอบ (ก็คือเรานั่นเอง ^ ^)
*************************************************************************************

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...