tag:blogger.com,1999:blog-2808358134295188573.post6510707346491462485..comments2024-02-22T14:42:32.216+07:00Comments on runforlife: วิ่ง 10 กม. ด้วยเวลาเท่าไหร่ จึงเผาผลาญได้ดีที่สุดRun Forlifehttp://www.blogger.com/profile/10819478015882117525noreply@blogger.comBlogger9125tag:blogger.com,1999:blog-2808358134295188573.post-30380093897762217742016-11-22T09:16:24.588+07:002016-11-22T09:16:24.588+07:00เราเขียนโพสต์นี้เพื่อตอบคำถามว่า "วิ่ง 10 กม....เราเขียนโพสต์นี้เพื่อตอบคำถามว่า "วิ่ง 10 กม. ด้วยเวลาเท่าไหร่ จึงเผาผลาญได้ดีที่สุด" จากการทดลองของเราค่ะ<br />ง่ายๆ แค่นั้น<br />ไม่ได้มุ่งจะให้ความรู้เรื่องแหล่งพลังงาน การฝึก ซึ่งเราไม่มีความรู้ด้านนั้น<br />และไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของคำถามอยากรู้<br /><br />อย่างไรก็ตาม ขอบคุณที่มาเพิ่มเติมความรู้นะคะRun Forlifehttps://www.blogger.com/profile/10819478015882117525noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2808358134295188573.post-48416140492898133112016-11-22T08:48:18.193+07:002016-11-22T08:48:18.193+07:00เรื่องพลังงานในการวิ่ง นั่นละเอียดมากครับ คุณ วิ่ง...เรื่องพลังงานในการวิ่ง นั่นละเอียดมากครับ คุณ วิ่งพลังงานที่เผาผลาญก็อีกตัวหนึ่งเป็นหลัก คุณวิ่งช้าพลังงานที่เผาไปก็อีกตัวหนึ่งเป็นหลัก ว่าแต่คุณจะฝึก เพื่ออะไร เสียมากว่า จะวิ่งให้ผอม ผมแนะนำวิ่งให้ช้าเอาแค่สบายๆ คุยได้สบายๆ แต่หากคุณจะวิ่งให้พัฒนาขีดคงามสามารถ ของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด คุณต้องฝึกที่ 80-85%ของmax HR. ซึ่งนั้นสิ่งที่เผาเป็นหลักคือไกลโคเจนที่เก็บในกล้ามเนื้อ และยังดึงคาโบไฮเดรตมาใช้เป็น อ้าว และไขมันล่ะ ก็ใช้ ในปริมานที่น้อยกว่าวิ่งช้าๆ หากจะให้ไล่กันจริงๆแล้วโอ้ยยาวครับ เด๊วจะไม่อ่านเอา ยังมีการดึงเอากรดแลตติกกลับมาเป็นพลังงานเวลาเราวิ่งยาวๆอีก ภาวะของหัวใจในแต่ละระดับอีก ระดับการวิ่ง ที่สัมพันกับการหายใจภายในเซลล์ เด๊วจะเบื่อเอาAnonymoushttps://www.blogger.com/profile/13080696405736455580noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2808358134295188573.post-36521351627966951632014-09-27T11:14:05.175+07:002014-09-27T11:14:05.175+07:00ค่ะ ได้พูดถึง after burn ไว้ในหมายเหตุแล้ว
จริงๆ ถ...ค่ะ ได้พูดถึง after burn ไว้ในหมายเหตุแล้ว<br />จริงๆ ถ้าค่านี้สามารถวัดได้ เราก็อยากทดลองให้ครอบคลุมค่ะ แต่เรายังไม่ได้ศึกษาว่ามันวัดกันยังไง เลยต้องให้เป็นข้อจำกัดของการทดลองไปแทน<br /><br />เรื่อง talk test ส่วนตัวเราเชื่อมั่น เพราะคิดอย่างงี้ค่ะ..<br /><br />จริงๆแล้วร่างกายคนเรา ไม่รู้หรอก เลข 60% 70% คืออะไร<br />มันไม่ได้มาคำนวณว่า... เฮ้ย!! ตอนนี้หัวใจเป็น 70% ของ 220- อายุ แล้ว เอาคาร์โบไฮเดรตมาใช้เยอะขึ้นกันดีกว่าริ้วๆๆ<br />แต่ร่างกายตรวจสอบจากระดับความเหนื่อยที่แท้จริงของเรา<br />(ซึ่งก็คงค่อยๆ blend สัดส่วนการใช้พลังงานไปนะคะ ไม่ใช่พอถึงขอบปุ๊บ เปลี่ยนค่าปั๊บ)<br />แล้วการ talk test จริงๆก็คือการวัดระดับการใช้ออกซิเจน ซึ่งก็คือระดับความเหนื่อยที่แท้จริงของเรานั่นเอง ดังนั้น ส่วนตัวเราจึงเชื่อถือ talk test มากกว่าค่ะ <br /><br />ส่วนปัญหาของคุณ เป็นได้หลายสาเหตุ<br /><br />1) เราอาจคิดว่าสบายแล้ว แต่จริงๆ ไม่ได้สบาย (ทดสอบผิด) วิธีแก้คือ ลองใช้ zone หัวใจเป็น guide line ไปก่อน แล้วจำความรู้สึก "สบาย" ที่แท้จริงไว้ <br /><br />2) HRmax จริงๆ ของคุณสูงกว่า 220-อายุ ซึ่งเป็นไปได้แน่ๆ สำหรับคนฟิต<br />ดังนั้น หัวใจในโซนต่างๆของคุณจึง off set จากชาวบ้านขึ้นมาทุกโซน<br /><br />3) ความเดี้ยง มีเหตุผลหลายประการ คุณอาจไม่ได้เดี้ยงจากการฝึกที่โซนสูงเกินไปก็ได้<br /><br />ประมาณนี้ค่ะ ^ ^Run Forlifehttps://www.blogger.com/profile/10819478015882117525noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2808358134295188573.post-86340467997589638982014-09-27T11:00:14.078+07:002014-09-27T11:00:14.078+07:00จุดประสงค์ในการวิ่งมาราธอน นอกจากจะประหยัดพลังงานแ...จุดประสงค์ในการวิ่งมาราธอน นอกจากจะประหยัดพลังงานแล้ว ยังต้องประหยัดไกลโคเจนด้วยค่ะ เพราะไกลโคเจนมีจำกัด ถ้าวิ่งไกลระดับมาราธอนอาจจะหมดได้ <br /><br />การวิ่งเร็ว ถึงจะประหยัดพลังงานแต่เปลืองไกลโคเจน นักวิ่งเลยเลือกที่จะวิ่งช้าลงหน่อยแต่สงวนไกลโคเจนไว้ได้ แล้วใช้ไขมันมันแทน<br /><br />ประมาณนี้อะค่ะ ^ ^Run Forlifehttps://www.blogger.com/profile/10819478015882117525noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2808358134295188573.post-17262977177455648172014-09-27T10:59:14.075+07:002014-09-27T10:59:14.075+07:00This comment has been removed by the author.Run Forlifehttps://www.blogger.com/profile/10819478015882117525noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2808358134295188573.post-80468808423033138682014-09-20T20:10:59.986+07:002014-09-20T20:10:59.986+07:00ผมก็เชื่อว่าน่าจะเป็นยังงั้นนะครับ ถ้าเอาแค่พลังงา...ผมก็เชื่อว่าน่าจะเป็นยังงั้นนะครับ ถ้าเอาแค่พลังงานที่ใช้ไปตอนวิ่งจริงๆ แต่อ่านจากบางที่ เค้าบอกว่ามันจะมี after exercise burn ด้วยอีกส่วน ซึ่งถ้าวิ่งเบาๆ อาจไม่เห็นผลเท่า<br />อีกอย่างที่ผมสงสัยคือ talk test นี่แทน hr ได้จริงไหม เพราะผมเคยฝึกตอนแรกใช้ talk test นี่แหละครับ พูดประโยคยาวๆสบายๆ แต่พอได้ hr มา ไอ้ตอนพูดสบายๆนั่น hr ปาไป80-90% แล้วครับ เลยไม่แน่ใจว่าฝึกผิดๆแบบนั้นมาหรือเปล่า ถึงเดี้ยงมาจนทุกวันนี้nuisakhttps://www.blogger.com/profile/02637373006736518601noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2808358134295188573.post-83280558741296532402014-09-20T15:17:00.310+07:002014-09-20T15:17:00.310+07:00ในทางตรงข้าม ถ้าวิ่งฮาล์ฟฯ หรือเต็มมาราธอนนี่ 10 โ...ในทางตรงข้าม ถ้าวิ่งฮาล์ฟฯ หรือเต็มมาราธอนนี่ 10 โลแรก ถ้าจะประหยัดพลังงานในร่างกายต้องวิ่งแบบเหนื่อยหอบเล็กน้อยสินะครับ....แต่อย่างคุณป้อมว่านั่นแหละครับ คนอื่นอาจได้ผลไม่เหมือนกันก็ได้ (แบบนี้ต้องลองใช้อาสาสมัครทดลองหลายๆ คน 555) นอกจากนี้การวิ่งระยะไกลยังมีความเหนื่อยล้าสะสมอีก วิ่งแรกๆ เหนื่อยมากไปก็คงไปหมดตอนปลายเนอะAnonymoushttps://www.blogger.com/profile/08907969212674969729noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2808358134295188573.post-2526241472862009692014-09-20T09:03:48.651+07:002014-09-20T09:03:48.651+07:00แนวโน้มเป็นอย่างนั้นค่ะ
ว่า ผลของหัวใจที่เพิ่มขึ้...แนวโน้มเป็นอย่างนั้นค่ะ <br />ว่า ผลของหัวใจที่เพิ่มขึ้นตามไม่ทันผลของเวลาที่ลดลง<br />แต่จะให้ชัวร์ก็ต้องทดลองอะค่ะ แต่เราขอบายนะ วิ่งไม่หวาย 555+<br />Run Forlifehttps://www.blogger.com/profile/10819478015882117525noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2808358134295188573.post-10823621866414165592014-09-19T21:46:50.054+07:002014-09-19T21:46:50.054+07:00แบบนี้ แสดงว่า ถ้าวิ่งเร็วขึ้นอีก เช่น pace 4 ก็จะ...แบบนี้ แสดงว่า ถ้าวิ่งเร็วขึ้นอีก เช่น pace 4 ก็จะยิ่งใช้ calories ลดลงใช่ไหมครับnuisakhttps://www.blogger.com/profile/02637373006736518601noreply@blogger.com