หน้าเว็บ

Sunday, December 30, 2012

race 31: ขอชิวบ้างอะไรบ้าง (1)

สิ่งนึงที่อดีตทีมชาติ เจ้าของเหรียญทองแดงวิ่งมาราธอน ซีเกมส์มักบอกกับเราเสมอก็คือ เป็นนักกีฬาจะต้องมีสปิริต สิ่งหนึ่งที่แสดงถึงสปิริตนักกีฬาก็คือ ในทุกการแข่งขัน เราจะต้องทำให้สุดความสามารถ เพื่อให้เกียรติผู้จัดงานและคู่แข่ง จะต้องไม่มีคำแก้ตัวหลังจากพ่ายแพ้ว่า ออมแรงหรือมาวิ่งเล่นๆ ดังนั้น ในช่วงเวลา 1 ปี 3 เดือนที่ได้รู้จักโค้ช เราจึงไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึก "วิ่งสบายๆ" เลยสักครั้งเดียว แม้แต่ในช่วงที่อ่อนซ้อม แต่ได้กำหนดตารางแข่งไว้แล้ว เมื่อปรารภกับโค้ชว่ารายการนี้หนูขอวิ่งสนุกๆชมวิวได้มั้ย โค้ชก็ยังยืนยันคำเดิมว่า "เมื่่่อเสียตังค์สมัครแล้วก็ต้องวิ่งให้เต็มที่" ถึงไม่ชนะคนอื่น ก็ต้องชนะตัวเอง

Thursday, December 27, 2012

อาหารว่างสำหรับนักวิ่ง

ช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ ที่อาหารมื้อเย็นยังอยู่อีกยาวไกล การหาของว่างมาถมท้องที่เริ่มส่งเสียงประท้วงถือเป็นเรื่องประเสริฐนักแล 

นักวิ่งทั่วไปมักใส่ใจควบคุมน้ำหนัก การได้กินอาหารมื้อเล็กๆทุกๆ 3-4 ชั่วโมง จะช่วยควบคุมความอยากกิน ไม่ให้พุ่งปรู๊ดปร๊าดจนสวาปามมื้อใดมื้อหนึ่งหนักเกินปกติ นอกจากนี้การได้กินอาหารว่างก่ิอนวิ่งและหลังวิ่ง ยังช่วยให้นักวิ่งมีพลังงานเพียงพอที่จะวิ่งและชดเชยส่วนที่สูญเสียไปกับการวิ่งได้ด้วย 

อย่างไรก็ตาม เราควรเลือกอาหารว่างที่มีประโยชน์ ไม่ใช่จังค์ฟู้ดหรือขนมถุงๆ หลักการคือให้พยายามเลือกอาหารที่ไม่ผ่าน หรือผ่านกระบวนการน้อยที่สุด ตัวอย่างต่อไปนี้คืออาหารว่างที่คัดมาแล้วว่าเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักวิ่ง 

Tuesday, December 18, 2012

3,000 กิโลเมตรแล้วจ้า

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุบังเอิญ หรือว่ามันคือ natural frequency ของข้าพเจ้า แต่ช่วงเวลาจาก 2,000 ถึง 3,000 กม. ช่างใกล้เคียงกับช่วงเวลาจาก 1,000 ถึง 2,000 กม. อย่างเหลือเชื่อ นั่นคืือประมาณ 7 เดือนแก่ๆ 

ที่น่าแปลกใจก็เพราะเราไม่เคยกะเกณฑ์ว่าตัวเองต้องวิ่งให้ได้ระยะทางเท่าไหร่ใน 1 เดือน ได้แต่วิ่งไปแบบไร้กระบวนท่า มากน้อยถี่ห่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ แรงบันดาลใจ การงานและอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความถี่ธรรมชาติประมาณ 4.35 กม./วัน ทำให้วันนี้ (17 ธันวาคม 2555) เราได้ฉลองสหัสกิโลเมตร อีกคราเป็นรอบที่ 3 แล้ว เย่ๆๆ


สรุประยะทางวิ่งแต่ละเดือนจาก 2,000 กม. ถึง 3,000 กม. ได้ดังกราฟด้านล่าง และที่จะเล่าต่อไปคือเหตุการณ์เบื้องหลังกราฟเหล่านี้