Saturday, September 7, 2013

oorrunningblog ในนิตยสาร "สารคดี" | 8 comments:

ใครจะคิดว่า blog บ้านๆ ที่เขียนขึ้นเพราะอยากบันทึกไว้ให้ลูกศิษย์อ่าน จะได้รับเกียรติให้บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตนักวิ่งคนหนึ่ง ลงในสกู๊ปยาวประจำเล่มของ "สารคดี" นิตยสารชื่อดังของเมืองไทยที่เราซื้ออ่านมาตั้งแต่เรียนป.ตรี (ขึ้นกับสกู๊ปยาวของเดือนนั้นว่าน่าสนใจแค่ไหน) และชื่นชมทีมงานมากๆ ทั้งภาพที่สวยสุดๆและเรื่องที่ให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน คมคาย

ต้องขอขอบคุณพี่ "วายร้ายสีแดง" เจ้าของคอลัมน์ "กีฬา_ทางเลือก" ที่เคยเข้ามาอ่าน blog นี้และแนะนำให้น้องเต้ย-นักเขียนได้รู้จัก มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เราตอบรับคำเชิญอย่างเต็มใจที่สุดในโลก แค่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือในดวงใจก็ขนลุกซู่ด้วยความปลื้มปีติแล้ว ^____^

ขอรีวิวสั้นๆสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านนะคะ สกู๊ป Born to be Runner นำเสนอชีวิตของนักวิ่งมาราธอนในแง่มุมต่างๆ บางคนวิ่งแล้วหายจากโรคภัย บางคนวิ่งแล้วทำให้สนิทกับพ่อมากขึ้น(ซึ้งมากขอบอก) บางคนวิ่งเพื่อพิสูจน์ศักยภาพของตัวเอง เปิดและปิดเรื่องด้วยฉากการแข่งมินิฯ และฮาล์ฟมาราธอน ของนักเขียนที่ลงทุนฝึกฝนวิ่งระยะไกลเพื่อให้เข้าใจถึงหัวอกนักวิ่งอย่างแท้จริง แทรกด้วยเกร็ดความรู้เกี่ยวกับมาราธอน อาทิเช่่นตำนานมาราธอน ประโยชน์ของการวิ่งมาราธอนต่อหัวใจ ทฤษฎีไมโล คนทั่วไปอ่านแล้วจะเข้าใจทั้งชีวิตนักวิ่งและการวิ่งมาราธอนอย่างลึกซึ้งรอบด้าน คาดว่าน่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้หลายคนออกมาวิ่งได้อย่างแน่นอน

ในส่วนของภาพก็นำเสนอแง่มุมแปลกใหม่ ที่คนไม่ได้เป็นนักวิ่งน่าจะไม่เคยได้รับรู้ อาทิเช่น การแต่งแฟนซีในงานวิ่ง ภาพนักวิ่งเต็มพื้นที่สะพานพระปิ่นเกล้า ภาพชิพติดรองเท้าเพื่อจับเวลา ชั้นเชิง-มุมมองการถ่ายภาพ สุดยอดตามมาตรฐาน เมื่อบวกกับคำบรรยายที่เฉียบคม บางภาพถึงกับทำให้คนในวงการวิ่งอย่างเรารู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาอย่างบรรยายไม่ถูกเลย

นิตยสาร สารคดี born to be runner
นิตยสารสารคดี ปีที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๔๒ สิงหาคม ๒๕๕๖


นอกเหนือจากเรื่องราวของเราใน part "วิ่งเพื่อความเป็นเลิศ?" (ทำไมต้องมี "รึป่าว" ด้วยอ้ะน้องเต้ย 555+) มีสองคำถามที่สารคดีได้ถามเอาไว้และเราคิดว่าน่าตอบมากๆ จึงขอนำมาตอบไว้ในที่นี้ให้เพื่อนนักวิ่งได้อ่านกันค่ะ

สารคดี: ความสุขในการวิ่งคืออะไร
OOR: สำหรับพี่ ความสุขจากการวิ่งมีอยู่ 4 อย่าง

1) สุขตามธรรมชาติของการวิ่ง จากเอนโดฟินที่หลั่งออกมาหลังจากวิ่งไปได้ซักพัก มันจะทำให้เราอารมณ์ดี ยิ้มง่าย คึกคักอย่างกินกัญชามาก็ไม่ปาน สังเกตตัวเองครั้งแรกหลังจากเริ่มวิ่งได้เพียง 1-2 เดือน ว่า...เอ...ทำไมหลังจากวิ่งเสร็จ เราเดินไปฮัมเพลงไปตามที่ได้ยินจากหูฟัง แอบเต้นตามตอนปลอดคนด้วย ซึ่งอาการแบบนี้เราไม่เคยทำมาก่อน...นี่เองหรือ runner's high ที่ใครๆเขาว่ากัน

2) สุขเมื่อทำสำเร็จ การวิ่งระยะไกลเป็นเรื่องที่ต้องชนะใจตัวเอง ถ้าทำสำเร็จก็จะเกิดความเคารพ ความภาคภูมิใจในตัวเอง ระหว่างที่ยังไม่ได้แข่ง แค่นั่งดูปฏิทินที่ถูกเติมเต็มด้วย workout ทีละวันๆ ก็มีความสุขแล้ว เพราะเรารู้ว่ามันบรรจุไปด้วยความพยายามหลายกิโลขีดเพียงไร

3) สุขเมื่อเห็นว่าตัวเองดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่ดีขึ้น สุขภาพที่แข็งแรงขึ้นเหมือนเป็นคนละคน เราสามารถกินข้าวครบ 3 มื้อได้แบบจัดหนัก โดยไม่ต้องงดมื้อเย็นหรือกินแต่สลัด แบบผู้หญิงที่กลัวอ้วนทั่วไป เราเป็นหวัดนับครั้งได้หลังจากเริ่มวิ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และทุกครั้งจะหายภายใน 2 วัน!! ในขณะที่เมื่อก่อน เราป่วยบ่อยมากและเป็นหนักเป็นนาน ไออยู่เป็นเดือนก็เคยมาแล้ว 

4) สุขเมื่อเห็นว่าคนรอบข้างได้ออกมาวิ่งเพราะมีเราเป็นแรงบันดาลใจ ข้อ 4 นี้คือสุดยอดแห่งความสุข การชักชวนให้คนมาออกกำลังกายนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะมันไม่ใช่ mission ที่ทำครั้งเดียวจบ ถ้าคนๆนั้นไม่ได้มีฉันทะด้วยตัวเอง นานไปเขาก็เลิก แต่ถ้าเราแสดง "ผลลัพธ์" ให้เขาเห็นว่ามันทำให้เราดีขึ้นจริงๆ และ "วิธีทำ" ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร คนอ่อนแอแบบเรายังทำได้ สิ่งเหล่านี้จะชักจูงให้คนรอบตัวเราหันมาสนใจและลองทำดูบ้าง แบบที่เราไม่ต้องออกแรงอะไรเลย (แค่ซื้อรองเท้าดีๆให้ท่านซักคู่ก็พอ ^ ^)

จนถึงวันนี้เราทำให้แม่หันมาเดินออกกำลังทุกวัน น้องสาวเริ่มหัดวิ่งหลังจากแอนตี้มาตลอดว่าเป็นกีฬาน่าเบื่อ (เธอเป็นนักบาสมาก่อน) เพื่อนสมัยเรียน 2 คน วิ่งมินิมาราธอนได้...การเป็นนักวิ่งของเรามีคุณค่าที่สุดก็ตรงนี้ ^____^

สกู๊ป born to be runner วิ่งเพื่อความเป็นเลิศ?

สารคดี: ประสบการณ์ หรือเรื่องราวอะไร ที่มีแต่นักวิ่งเท่านั้นที่รู้ (อาทิเช่น "ปิศาจกม.ที่ 35")
OOR: (เราตอบอย่างไม่ต้องคิดนาน เพราะเป็นความประทับใจแรกๆหลังจากได้มาเป็นนักวิ่ง นั่นคือ)

1) เราเพิ่งรู้ว่า ทุกเช้าวันอาทิตย์ ขณะที่คนทั่วไปกำลังนอนเขลงในวันหยุดสุดสัปดาห์
จะมีคนเป็นพันกำลังหายใจฟืดฟาดๆ ทรมานตัวเองเล่นๆอยู่บนถนน (บางทีอาจเป็นถนนหน้าบ้านเราด้วยซ้ำ)

2) แค่นั่งดูรายการทีวีอะไรซักอย่างเป็นเวลา 1 ชม. ก็รู้สึกว่านานแล้ว แต่คนที่ไม่ได้เป็นนักวิ่งคงไม่รู้หรอกว่า 1 ชม.ที่"แม้แต่นั่งยังเมื่อยตูด"นั้น มีคนเป็นพันเป็นหมื่น"วิ่งได้" - อย่างต่อเนื่อง และวิ่งเร็วจนเหนื่อยโฮกๆตั้งแต่ต้นจนจบ อีกด้วย

======================================

เราได้นำคำถามนี้ไปถามเพื่อนๆนักวิ่ง และได้คำตอบที่น่าสนใจมากมาย สะท้อนให้เห็นชีวิตของนักวิ่งได้ทะลุปรุโปร่งมากๆ จึงขอนำมาบันทึกไว้ในที่นี้ด้วยค่ะ

โค้ว จง วิ่งลมชมวิว: เคยได้ยินเสียงตะโกนด่าออกมาจากรถที่ติดไฟแดงไหมครับ กิกิ

กล้วยม้วน เรื่องวิ่งเรื่องกล้วย: ความสุขตอนเข้าเส้นชัย แม้จะตอบคำถามใครต่อใครไม่ได้เลยว่าเข้าที่เท่าไหร่ หรือแม้จะรู้แล้วว่าเข้าที่ 872 แล้ว ก็ยังสุขเท่าเดิม ^____^v

Running Ronin: พึ่งรู้ว่าระยะ 2 กม. ทำไมมันไกล้อย่างนี้หว่า

Кампее Сридавонг: ทุกวินาทีมันมีค่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนครับ

Oor Runningblog: แสดงว่าก่อนมาเป้นนักวิ่ง น้องม้วนเคยคิดว่า การเข้าเส้นชัยลำดับที่ 872 มันคงขมขื่น น่าเอาปี๊บคลุ่มหัวมากกว่าจะสุข...อะไรประมาณนี้ใช่ปาวจ๊ะ

Oor Runningblog: Running Ronin อันนี้ใช่เลย คิดเหมือนกัลๆ , Кампее Сридавонг ในแง่สถิติที่ดีขึ้น หรือในแง่ "โอ๊ยยยย เมื่อไหร่จะถึงเส้นชัยซักทีแว้" คะ ;p

หลิน เรื่องวิ่งเรื่องกล้วย: ยิ่งวิ่ง เวลาเดินในที่ทำงานเพลินๆ เผลอกลายเป็นวิ่งได้ไม่รู้ตัว
ยิ่งวิ่ง ยิ่งชอบฟังเสียงหอบของตัวเอง
ยิ่งวิ่ง ยิ่งเหนื่อยน้อยลง ระยะทางไกลขึ้น วิ่งเร็วขึ้น ยิ้มสวยขึ้น
ยิ่งวิ่ง ยิ่งถ่ายบ่อยขึ้น ^^"

กล้วยม้วน เรื่องวิ่งเรื่องกล้วย: หนูว่ากีฬาอื่นๆมันให้คุณค่าแค่ 1-3 เองอ่ะ ซึ่งโง่ๆอ่อนๆอย่างหนูคงไม่สามารถหาความสุขความภูมิใจจากมันได้เหมือนการวิ่งอ่ะค่ะ ที่ 872 ในความคิดก่อนหน้านั้น ถึงไม่ขมขื่น แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะน่าปลาบปลื้มได้ถึงเพียงนี้

สกู๊ป Born to be Runner

Running Ronin: อ่อ อันนี้สำคัญ เจอกับตัวเอง พึ่งรู้ว่า เสื้อบาดหัวนมจนเลือดออกได้นะ

PraLong Runner: ขณะวิ่งมาราธอนช่วงหลัง กม. 35 เหนื่อยใจแทบขาด แต่พอเข้าเส้นชัยไม่รู้ความรู้สึกนั้นหายไปไหนหมด

Chawalit Nabundit: แค่ซ้อมทุกวันนี้ มีแต่คนมองผมว่าบ้าน่ะครับแค่นั้นเอง
ชื่นชมด้วยเสียงแปลกๆ ฟิตจังงงง// ยังวิ่งอีกเหรอมืดแล้ววว
นักเรียนเลียนแบบเวลาวิ่งผ่าน
แต่...แต่ตัวเล็กตัวน้อยบางคนมักจะมองด้วยสายตาชื่นชมบางคนแปลกใจ พร้อมถามพ่อว่า เค้าวิ่งไปทำไมหรอ..

บางครั้งก็น้อยใจ บางครั้งผมก็มึนใส่ กิกิ

Pongsakorn Seekhao: จากประสบการณ์วิ่งอันน้อยนิดของผม ปีศาจน่าจะมีอยู่ทุก กม. นะครับ อยู่ที่เราว่าจะมองเขาเป็นมิตรหรือศัตรู

Running Cha Cha Cha: แตงโมอร่อยที่สุด และช่วยชีวิตได้สุดๆ มีแรงไปต่อได้ เย่

Кампее Сридавонг: Oor Runningblog ทั้ง 2 อย่างเลยครับ -*-

โค้ว จง วิ่งลมชมวิว: ของผมชอบตอนวิ่งไปเรื่อยๆฟังเสียงหายใจตัวเองและค่อยๆแซงเพื่อนๆที่ละคน ที่ละคนและคอยชวนคนที่หยุดเดินให้วิ่งต่อตรงนี้ชอบที่สุดที่

Naphat Rithkumrop: สำหรับผมนักวิ่ง(ยามว่าง) ก็คงเป็นคำพูดของ พี่ ๆ น้อง ๆ เช่นผมกำลังเหนื่อย ๆ และเริ่มจะเดินบ้าง... " อีกนิดนึง จะถึงแล้ว มา ๆ ไป ด้วยกัน " เป็นความประทับใจในวงการวิ่งสำหรับผมมาก เพราะถ้าผมไม่ได้มาวิ่งคงหาได้ยินประโยคนี้ยาก

Little BlackTiger: ช่วงของความคิด
0-25กม เป็นช่วงที่สนุกที่สุด กับการวิ่ง เบาได้ เร่งได้ คุยได้
26-35กม กล้ำกลืนฝืนทน
36-42กม นรกทางร่างกายและความคิด บั่นทอนทุกอย่าง
200ม สุดท้าย ช่วงเวลาที่ภูมิใจ ดีใจ ที่สุดของการวิ่งครั้งนั้น
ไม่ว่าจะเข้าด้วยสภาพไหมก็ตาม

ภาพส่วนหนึ่งจากสกู๊ป Born to be Runner
นักวิ่งกลุ่มนำเริ่มแสดงตนทิ้งห่างนักวิ่งอื่นๆ เมื่อผ่านระยะทางไกลขึ้น
ความสำเร็จในการวิ่งมาราธอนเป็นภาพสะท้อนการซ้อมหนักที่ซ่อนอยู่ในตัวนักวิ่งแต่ละคน

Tom Triprakong: การวิ่งทำให้รู้ว่ากรุงเทพฯเล็กกว่ามี่เราคิดเยอะ และเราก็ใช้เวลากับรถติดมากเกินไปในแต่ละวัน 

Tom Triprakong: การวิ่งทำให้รู้ว่าสังคมคนวิ่งเป็นมิตรและมีน้ำใจเอื้อเฟื้อกันมาก

Puu Natthama: ข้อ1 ด้วย
ปูไม่เคยรู้เลยว่า บ้านเรามีงานวิ่ง แถมมีเยอะมากกก แทบจะทุกวีค แถมหลายๆจว. ด้วย หาใช่แค่ กทม

อีกอันคือ ทุกวินาทีมีค่า ตระหนักมากขึ้น วิ่งระยะเดิม แต่เวลาดีขึ้น วิ เดียว ก้อดีใจแระ อิอิ

June Somxaad: การเหนือยอย่างมีความสุขกับ กิจกรรมวิ่งที่จูนชอบ ใครที่ไม่ได้มาวิ่งหรือไม่ชอบการวิงไม่มีวันเข้าใจรอก แล้วก็จะมีแต่คำถามว่า: วิ่งเอาอะไร? นี้เธอทำอะไร? บ้าไปแล้ววิ่งเป็นสิบๆโล! จะทรมานตัวเองทำไม? อยากบอกพวกเค้าว่า ความสุข, การเอาชนะใจ/ความรู้สึกตัวเองและปลื้มใจในตัวเอง อยู่เบื้องหลังของความพยายามและอดทนทั้งนั้น *ความสุขเบื้องหลังของการวิ่งมีเพี่ยงนักวิ่งเท่านั้นที่รู้

Nonokun Ore: จริงๆด้วยครับ ทำให้รู้ว่ากรุงเทพนี่เล็กจริงๆ ไอ้ที่เราติดๆกันอยู่บนถนนทุกวันนี่ บางทีวิ่งยังเร็วซะกว่าขับรถเลย กรุงเทพชั้นในที่รถติดๆกันนี่ รัศมีแค่ราวๆ ระยะมินิเท่านั้นเอง แต่ใช้เวลาเดินทางกันยังกะวิ่งฮาล์ฟ

Pensinee Sert: ชอบคำว่าหายใจฟืดฟาด
วันก่อนคุยกับลุงที่ไม่ค่อยได้คุยกัน ลุงเปิดเผยความลับว่า ลุงเคยวิ่งมาราธอนมาแล้วนะ
รัตน์เลยเหวอนิดนึงเพราะไม่มีใครในบ้านรู้เรื่องนี้มาก่อน ลุงเลยชี้ชวนว่าเมื่อไหร่จะฝึกลงมาราธอนบ้าง เลยบอกว่ายังก่อนค่ะ หนูขอฮาล์ฟมีคุณภาพหลายๆอันก่อนนะ
พ่อเดินมาได้ยินแล้วพูดว่า ห๊ะ จะฝึกไปวิ่ง42กม.เหรอ มันไม่น่าจะสนุกนะ ---ตอบพี่กข.กับป๊าเหมือนกันว่า
อืม กี่กิโลมันก็ไม่หนุกค่ะ แต่เวลาทำได้แล้วมันมีความสุข

Kan Kusuwan: ความแตกต่างระหว่างรองเท้าใหม่กับรองเท้ามือสองไงล่ะ ต้องเป็นนักวิ่งแล้วถึงรู้ว่าไอ้รองเท้าสวยๆจากโรงเกลือน่ะไม่เหมาะแม้จะใส่เดินเล่นอย่าว่าแต่ใส่วิ่งเล้ย

Wattana Ongvasuaungkul: ก่อนวิ่ง นึกว่าการวิ่งคงไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ก็แค่ออกมาวิ่งๆๆๆๆ แต่ที่ไหนได้ ใช้เงินเยอะมากกกก5555 ไหนจะค่าอุปกรณ์ รองเท้าญี่ปุ่น ค่าเดินทางไปแข่ง ตอนนี้ผมหยุดวิ่งงานแล้วคับ จะเลือกวิ่งรายการดีๆสัก2งานต่อปีก็พอละ นอกนั้นวิ่งแถวสนามกีฬาหรือถนนแถวบ้านพอล่ะ

Pinky Puifai: ในหนังมักจะมีโมเม้นต์ที่ทุกสิ่งสงบนิ่ง ไม่มีเสียงใดๆ นอกจากเสียงหัวใจ หรือ เสียงลมหายใจของตัวเอกของเรื่อง แล้วทุกสิ่งรอบกายก็พลันเหมือนเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ เป็นห้วงเวลาที่สำคัญของตัวเอก (หลังจากนั้น คนดูไม่ต่อมน้ำตาแตก ก็จะยิ้มกว้างอย่างมีความสุข) ... ทุกวันที่ออกไปวิ่ง จะได้พบกะช่วงเวลาแบบนี้ตลอด เป็นช่วงเวลาที่ปนเปกันระหว่าง "ทรมาน" และ "สุขสุดๆ" และเมื่อใดที่การซ้อม หรือการแข่งจบลง ความรู้สึก "ตื้นตันใจ" และ "ภาคภูมิใจ" จะเข้ามาแทนที่ เหมือนเราเป็นตัวเอกของหนังเรื่องนึง ที่เราแสดงเอง กำกับเอง ดูเอง และสนุกเอง

กับพี่จุ๋งและทีมงานสารคดี
กับพี่จุ๋งและทีมงานสารคดี
บุญโอ ยอดนักวิ่ง: ก่อนเป็นนักวิ่ง>>โห คนนี้เก่งว่ะ ได้เหรียญด้วย 
เมื่อมาเป็นนักวิ่งถึงรู้ว่าได้เข้าเส้นชัยก็ได้เหรียญกันทูกคนนะคร้าบบ 555

Karoon Janphongsri: สิ่งหนึ่งที่คนไม่วิ่งไม่รู้น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเจ็บปวด เมื่อยล้า หลังการฝึกซ้อม หรือหลังการแข่งขัน มันมักจะปนเปกับความรู้สึกเจ็บปวดแบบมีความสุขนะครับ ยิ่งถ้าผ่านการวิ่งมาราธอนมาใหม่ๆ ซักวัน สองวัน เป็นวันชื่นคืนสุขจริงๆครับ

บุญโอ ยอดนักวิ่ง: เอาอีกสักเรื่อง ก่อนมาวิ่งนึกว่าเค้าห้ามหยุดเดิน เอิ๊กๆๆๆ

Ittidach Khammo: “เราจะทนทรมานกับการฝึกซ้อมแล้วมีความสุขหลังจบการแข่งขัน หรือ เราจะยอมมีความสุขกับการแข่งขันแล้วหลังจากนั้นก็ทนความเจ็บปวด ทั้งสองอย่างที่เกิดขึ้นไม่มีถูกหรือผิดเพราะก็นำเรากลับมาวิ่งอีกครั้ง”

Pongkrit Limsurat: ได้วิ่งบนถนน ที่ปกติไม่เคยแม้แต่จะเดิน

Aünpèé Runner: ทุกครั้งในงานวิ่งจะได้ยินนักวิ่งบ่นว่าเมื่อไหร่จะถึงเส้นชัยซะที..เหนื่อยก็เหนื่อยร้อนก็ร้อน..แต่พอเข้าเส้นชัยได้สักพัก..รับโบว์ชัวร์มองงานต่อไป...

Wattana Ongvasuaungkul: Karoon Janphongsri มันเป็นความเจ็บปวดที่แสนอร่อยคับ(ซาดิสต์นืดๆ)555

Thitiwat Ungkhaphanomphai: " ยิ่งวิ่ง ยิ่งก้าว ยิ่งใกล้
ทดสอบ กายใจ ใฝ่ฝัน
มากมาย อุปสรรค ฝ่าฟัน
รู้กัน สุขสันต์ เส้นชัย..^^.."

Gamo Runner: แม้ น้ำมันจะหมดโลก นักวิ่งก็ไม่หวัน จริงแมะ

Mana Han: วิ่งนี่มันเสพติดจริงๆ เหมือนคนติดมอร์ฟีน ยอมรับเลยว่าวิ่งมาตั้ง 20กว่าปีแล้ว ตอนนี้ยังเลิกไม่ได้เลย

Hua Kanchana: ทำให้รู้ว่าหนึ่งกิโลมันไกลขนาดไหน .. รู้ว่าจากเคยวิ่งช้าๆ ห้านาทีก็หอบแต่ร่างกายมันทนนานกว่านั้นได้อีก.. จากเมื่อก่อนเคยพูดว่า "โห วิ่ง 10 กิโล ทำไม่ได้หรอก" แต่เดี๋ยวนี้ "โห วิ่งแค่ 10 แโลเอง จิ๊บๆ"

Chanut Nawnarong: ความรู้สึกแบบผสมผสาน ขณะที่วิ่งและมีรถพยาบาลวิ่งตาม / และแม้กระทั่งพยาบาลเปิดกระจกถาม "ยังไหวอยู่ใช่ไหมคะ"

ใครอ่านทุกบรรทัดมาจนถึงตรงนี้ เดาว่าคงต้องเป็นนักวิ่งตัวจริงเสียงจริง หรือถ้าไม่ใช่ก็มั่นใจได้ว่าคุณเป็นนักวิ่งที่ดีได้แน่นอน เพราะมีความอดทนเป็นเลิศ 555+ เป็นยังไงบ้างคะ มีประโยคไหนตรงใจคุณบ้างหรือเปล่า ถ้าอยากอ่านอะไรที่โดนใจทุกดอกกว่านี้ ลองหาสารคดีเล่ม Born to be Runner มาอ่านกันนะคะ

โพสต์ที่ถูกอ้างอิงถึงในบทความ
SIGNS
งานวิ่งครั้งแรกในชีวิต กรุงเทพมาราธอน 2010
1 วันของข้าพเจ้า...นักวิ่ง(มือใหม่)
แนะนำแผนการฝึกวิ่งจาก internet
race 10: สวยโหด

*** update 26/11/56***
อ่านสกู๊ป Born to be Runner มาราธอน ๔๒. ๑๙๕ กิโลเมตร ได้ ที่นี่

8 comments:

  1. อ่านมาทุกบรรทัดจนจบ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นนักวิ่งที่ดีได้หรือเปล่า...เพราะไม่ได้อ่านด้วยความอดทนแต่อ่าน "เพลิน" ครับ...ก็มันโดนทุกอย่างเลยครับ
    ...นักกีฬาบาสฯ ไม่ชอบการวิ่งเหมือนกันหมดรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะเมื่อก่อนผมก็ไม่ชอบเลย...แต่เดี๋ยวนี้นานๆ ถึงจะไปเล่นบาสสักที (แถมไปหลังจากซ้อมวิ่งในวันที่วิ่งเบาๆ) จนพี่ๆ เพื่อนๆ ถามว่าหายไปไหน ไม่มาเล่นเลย...ตอบไปว่าไม่ค่อยว่างเลยพี่ (คิดในใจว่าไปซ้อมวิ่งไง อิอิ)...เล่นบาสเรื่องมาก รอคน รอต่อทีม จะไปแข่งก็ต้องมีทีม เล่นไม่เก่งเขาก็ไม่เอาไป บางคนเก่งแต่ไม่ใช่พรรคใช่พวกเขา เขาก็ไม่เอาไป....วิ่งดีกว่า อยากวิ่งก็วิ่ง อยากแข่งก็ไปแข่งเอง ไม่เก่งแต่ชอบก็มีความสุขแล้ว

    ReplyDelete
    Replies
    1. ใช่เลยค่ะ การวิ่งเป็นกีฬาที่ "ไม่ต้องเก่ง...แค่ชอบ ก็มีความสุขแล้ว" กดไลค์หมื่นครั้ง!!!

      ขอบคุณที่อ่านจบด้วยความเพลิดเพลินนะคะ โล่งใจไปที ฮี่ๆๆ

      Delete
  2. มายกมือว่าเป็นนักกีฬาบาสแต่ไม่ชอบวิ่ง .. แปลกดี

    ReplyDelete
    Replies
    1. น้องเราบอกว่าน่าเบือบ้าง กีฬาคนแก่บ้าง
      แต่เดี๋ยวนี้...วิ่งทุกเช้ามา 3 อาทิตย์แล้วค่ะ ไงล่ะจ๊ะตัวเธอ!!!

      Delete
  3. ตรงที่ว่าน้องสาวคุณป้อม(ที่เล่นบาสมาก่อน)เคยบอกว่าวิ่งเป็นกีฬาที่น่าเบื่อน่ะครับ
    สำหรับผม ก่อนได้จับลูกบาส หรือลงทีม ต้องวิ่งก่อนไงครับ....ซ้อมเสร็จก็ต้องวิ่งเก็บเส้นอีก (ตอนนั้น)ไม่ชอบเลย

    ReplyDelete
    Replies
    1. อ่อ ความฝังใจในวัยเด็กนี่เอง เข้าใจๆ ^ ^

      Delete
  4. ในส่วนตัวของผม ความรู้สึกก่อนเสียงสัญญาณปล่อยตัวจะดังขึ้น ผมยังตื่นเต้นเหมือนเดิมทุกสนาม ใจมันเต้นตึกตัก รู้สึกได้ถึงความหวังที่ของทุกคนที่จะต้องเข้าเส้นชัยให้ได้ พอสัญญาณปล่อยตัวดังขึ้น ความรู้สึกนั้นก็หายไป เหลือแต่ความสุขความอิ่มใจที่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังอยู่รอบตัว นี่แหละคือความสุขของผม ^____^

    ReplyDelete
    Replies
    1. คุณ ModX คิดเหมือนเราเลยค่ะ อ่านแล้วชอบมาก //ยกนิ้วโป้งให้ 2 นิ้ว
      เราเคยคิดเล่นๆนะคะ ว่า ถ้าความมุ่งมั่นของคน มันวัดเป็นหน่วยพลังงานได้
      ณ เส้นสตาร์ท เราคงเห็นสนามพลังที่แรงกล้ามาก
      แม้จะตื่นเต้นทุกครั้งที่จะเอาจริงในการแข่งขัน แต่เราก็ชอบบรรยากาศก่อนปล่อยตัวเสมอเลยค่ะ

      Delete

*************************************************************************************
ผักกาดๆ ถ้าข้อความไม่ขึ้น นั่นแปลว่า blog คิดว่าข้อความของท่านเป็น spam ไม่ต้องกังวลค่ะ comment เหล่านี้จะตกไปอยู่ที่กล่อง spam รอให้เจ้าของ blog มาตรวจสอบ (ก็คือเรานั่นเอง ^ ^)
*************************************************************************************

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...