Thursday, December 29, 2011

race 20: ใกล้เป้าหมายเข้ามาอีกนิด | 2 comments:

เฉลิมพระเกียรติมหาราชจอมราชัน มหกรรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ

นอกจากเป้าหมายหลักที่ตั้งไว้ตั้งแต่เริ่มวิ่งเมื่อเดือนพย.ปีก่อน ว่าจะวิ่งฟูลมาราธอนให้ได้ในงานกรุงเทพมาราธอนครั้งต่อไปแล้ว เรายังมีอีกเป้าหมายหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาหลังจากได้เริ่่มฝึกอย่างเป็นระบบกับโค้ช หลังจากที่รู้ตัวเองแล้วว่ามีความสุขกับการพัฒนาฝีเท้า อยากทำสถิติให้ดียิ่งๆขึ้นไปด้วย เป้าหมายนั้นก็คือ วิ่ง 10 กม. ให้ได้ภายใน 52 นาที ซึ่งเป็นเป้าหมายแรกที่โค้ชวางไว้ เพื่อที่จะได้เป็นตัวเลขที่ไม่เกินเอื้อมแต่ในขณะเดียวกันก็ท้าทาย ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆถ้าไม่พยายาม (ขณะนั้นคือปลายเดือนมิถุนา สถิติ 10K หลังจากแขนหัก หยุดวิ่งไปหนึ่งเดือนอยู่ที่ 64นาที:22วินาที)




ในการแข่ง 10K ที่ผ่านมา สถิติเราค่อยๆพัฒนาทีละน้อยเป็นหลักวินาที เราติดอยู่ที่ระดับ 56-57 นาทีอยู่นานหลายเดือนด้วยปัจจัยหลายอย่าง ที่สำคัญน่าจะเนื่องมาจากพื้นฐานของร่างกายมีความแข็งแกร่งไม่พอ เมื่อต้องฝึกหนักจึงบาดเจ็บ หรือถึงไม่บาดเจ็บก็ระบม อ่อนล้า ร่างกายไม่เคยได้สมบูรณ์เต็มร้อยเลย เวลาเดินก็กระโผลกกระเผลกดูอ่อนแอ ใครเห็นคงคิดไม่ถึงว่าเจ๊คนนี้เป็นนักวิ่ง ดังนั้นเมื่อได้พักยาวช่วงน้ำท่วม (ซึ่งจริงๆเราก็ยังซ้อมอยู่ แต่ซ้อมสบายๆตอนหนีน้ำกลับบ้านที่ขอนแก่น) ร่างกายจึงกลับมาเต็มร้อยอีกครั้ง และถึงแม้จะเกิดความระบม ขัดนู่นตึงนี่เล็กๆน้อยๆหลังจากกลับมาเข้าคอร์สอีกครั้ง แต่เห็นได้ชัดว่าอาการทั้งหลายหายเร็วขึ้น ตรงกับที่โค้ชเคยบอกไว้ว่า เวลาซ้อมหนักไม่มีใครหรอกที่จะสมบูรณ์เต็มร้อย อย่างเก่งก็ได้แค่ 70%เท่านั้น แต่เมื่อมันหาย ร่างกายจะแข็งแกร่งขึ้นเองเหมือนมันปรับขึ้นมาสู้กับงานหนักที่เราใส่เข้าไป



อีกความเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่อยากบันทึกไว้ ณ ที่นี้ก็คือ โค้ชให้รองเท้าวิ่งมา เป็น Asics รุ่น Tarther Japan ที่โค้ชเคยใส่วิ่ง (โชคดีที่เรากับโค้ชมีขนาดเท้าใกล้เคียงกัน) แม้ว่าพื้นรองเท้าช่วง forefoot จะสึกไปหมดแล้วแต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะนี่คือรองเท้าแข่ง หัวใจคือความเบา ความกระชับ เปิดโอกาสให้ผู้สวมใส่ได้วางเท้าพับเท้าอย่างอิสระ ใกล้เคียงกับการวิ่งเท้าเปล่าให้มากที่สุด เทียบกับ NB คู่เก่าของเราแล้วต่างกันมาก ทั้งน้ำหนักและความยืดหยุ่น แต่ต้องขอเตือนนะคะ รองเท้าที่เบาก็เพราะพื้นมันบาง ดังนั้นคุณสมบัติเรื่องการรองรับแรงกระแทกก็จะลดลงไป คนที่กล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงพอ หรือวิ่งลงส้นมากๆ ถ้าใส่แล้วอาจบาดเจ็บได้ค่ะ มีคนเจ็บเพราะเจ้านี่กันเยอะมาก

เมื่่อรองเท้าเปลี่ยน ท่าวิ่งก็เปลี่ยน ก่อนหน้านี้โค้ชเคยบอกตลอดว่าเราตีแขน 2 จังหวะ เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นว่าแขนหมุน ต้องแก้ เราเคยพยายามตีแขนจังหวะเดียวแล้ว แต่พบว่ามันไม่ถนัดเลย ทำแล้วยกขาไม่ขึ้น ไม่เป็นธรรมชาติยังไงไม่ทราบ เราก็เลยดื้อวิ่งท่าเดิม แค่พยายามวิ่งให้เร็วขึ้น เพราะเคยดูยูทูป ท่าวิ่งของบางคนแขนหมุนกว่าเราอีกก็ยังวิ่ง(โคตร)เร็วได้ แต่เมื่อเปลี่ยนมาใส่ Tarther เนื่องจากมันเบาและยืดหยุ่น การออกแบบไม่ได้บังคับเท้าให้ต้องเอาส้นลง ดังนั้นเมื่อลองพยายามตีแขนจังหวะเดียวแบบที่โค้ชแนะนำ เราก็ทำได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น พอทำได้แล้วจึงเกิดพุทธิปัญญาสว่างวาบ...

การแกว่งแขนสำคัญมาก มันไม่ใช่แค่การบาลานซ์ร่างกายขณะวิ่ง แต่มันช่วยกำหนดลักษณะของการก้าวขาได้ด้วย การตีแขนจังหวะเดียวแล้วรีบชักกลับบังคับให้ขาต้องชักออกจากพื้นเร็วขึ้นโดยอัตโนมัติ ในขณะที่เมื่อก่อนเราตีแขนแล้วแช่ไว้อีก 1 จังหวะดังนั้นขาก็แช่อยู่ที่พื้นนานขึ้น ในคนที่ขาแข็งแรงพอที่จะดีดเท้าเพื่อยืดช่วงก้าวแล้ว จะแช่เท้านานหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรมาก (แต่ไม่แช่จะดีกว่า) แต่สำหรับมือใหม่ที่ก้าวสั้นเป็นเพนกวินอย่างเรา ต้องอาศัยสับเท้าถี่ๆเข้าไว้  การชักขาเร็วขึ้นจึงส่งผลให้ความเร็วพัฒนาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สถิติ 10K ของเราดีขึ้นก็คือการทนเหนื่อย ไม่น่าเชื่อว่าเราวิ่งมินิมาราธอนมาเกือบ 20 ครั้ง กลับเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ว่าวิ่งมินิฯควรเหนื่อยระดับไหน 555+ เนื่องจากเข้าใจผิดมาตลอดว่าควรคุมความเหนื่อยไม่ให้ถึงกับหอบ ไม่งั้นจะวิ่งไม่ไหว ต้องหยุดพักหรือหยุดเดินในที่สุด ความจริงก็คือ ต้องวิ่งให้ถึงระดับที่หอบ จะหายใจทางปากเลยก็ได้ การฝึกจะทำให้เราทนกับอาการหอบได้นานขึ้นเอง ไม่ว่ามือใหม่หัดวิ่งหรือแนวหน้า เมื่อวิ่งมินิฯ แล้วต้อง(โคตร)เหนื่อยกันทุกคน เหนื่อยถึงขั้นอาเจียนหลังเข้าเส้นชัยก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ต้องขอบคุณโค้ชที่ชี้ทางสว่างและขอบคุณพี่ปูแนวหน้าหญิงท่านหนึ่งสำหรับแรงกระตุ้นดีๆ พี่ปูแนะว่า "ถ้าเหนื่อยก็ให้ขืนเอาไว้ ไม่ตายหรอก(แค่อ้วก ^ ^)"

จริงๆงานวิ่งครั้งนี้มีเรื่องให้เขียนเยอะ แต่เนื่องจากอารัมภบทมา 6 ย่อหน้าแล้ว เกรงว่าถ้าเล่าเยอะจะยาวจนไม่น่าอ่าน จึงขอเล่าเพียงบางประเด็นดังนี้

ข้าพเจ้าหลงทาง เนื่องจากมาเตรียมคีย์ GPS เอาในคืนก่อนแข่ง พอเกิดความสงสัยในแผนที่ตามโบรชัวร์จึงไม่สามารถโทรสอบถาม organizer ได้ และเจ้ากรรม GPS ก็พาไปโผล่กลางทุ่ง ยังดีที่เผื่อเวลาไว้บ้าง อาศัยถามทางมาเรื่อยๆจึงมาทันเวลาอย่างกระชั้นชิด เหลือเวลาวอร์มและยืดเหยียดไม่มากเท่าที่ต้องการ เป็นบทเรียนว่าครั้งต่อไปต้องเตรียมให้เร็วกว่านี้ อย่าหวังพึ่ง GPS ให้มากนัก


เส้นทางดี มีสะพาน 1 แห่งสำหรับระยะมินิ ถนนลาดยางยาวตรงสุดลูกหูลูกตาเลียบคลองระบายน้ำ ลมแรงมาก ขาไปวิ่งตามลม ขากลับวิ่งต้านลม น่าเสียดายที่ตอนขาไปไม่ได้รู้สึกถึงปัจจัยนี้ ทำให้วิ่งคุมความเร็วตามที่ซ้อมมา (เพราะมีประสบการณ์มาหลายสนามในช่วงหลัง ที่มักชอบออกตัวเร็วเกินไปจนขาหมดแรงในกม.ที่ 5-6) พอกลับตัวจึงได้รู้ว่างานเข้าเสียแล้ว ไม่แน่ใจว่าคนหนัก 60 up จะสะเทือนแค่ไหน แต่คนหนัก 47 กก.อย่างเราถึงกับเซ ความเหนื่อยซึ่งหมายถึงระดับความพยายามยังอยู่เท่าเดิม แต่ก้าวขาไม่ออก ความเร็วตกฮวบลงประมาณ 30 วินาทีต่อกม. พยายามเค้นพลังสู้ลมเป็นระยะเพราะเสียดายเวลาที่ทำมา ใส่เต็มที่ตอนจะครบ 10 กม. และใส่หมดแม็กก่อนเข้าเส้นชัย

วันนี้เป็นการวิ่งที่มุ่งมั่นมาก ปกติวิ่งได้แค่ 4 กม.ก็จะเริ่มนับถอยหลังแล้วว่าเมื่อไหร่จะถึง เจอจุดให้น้ำก็จะเริ่มแวะบ่อย เดินนาน แต่ครั้งนี้แวะรับน้ำเพียง 2 ครั้งเท่านั้น เนื่องจากอากาศเย็นไม่ค่อยมีเหงื่อ และเวลารับน้ำก็พยายามเดินให้น้อยที่สุด (ยังไม่มีความสามารถมากพอจะโฉบรับน้ำได้ กลัวจะกระฉอกหมด อดกิน) การวิ่งทั้ง 11 กม. ไม่มีการชะเง้อหาเส้นชัยเลย เพราะจิตใจโฟกัสอยู่ที่การวิ่ง ณ ปัจจุบัน ทั้งหมดนี้ก็เนื่องจากเป็นการวิ่งทีี่มีเป้าหมาย การซ้อมบอกให้รู้ว่าเรามีศักยภาพที่จะวิ่ง 10K ได้ภายใน 53 นาที ดังนั้นจึงเกิดความมั่นใจและท้าทายที่จะทำให้ได้ตามเป้าหมายนั้น



แม้ว่าจะพลาดเป้าหมายไปเยอะ แต่ก็ดีใจค่ะเพราะมั่นใจว่าทำเต็มที่แล้ว จากที่ hit plateau แถว 56 กว่าๆมานาน ตอนนี้สถิติ 10K ลดลงมาอยู่ที่ 53m:20s แล้ว ผลพลอยได้คือได้ถ้วยอันดับที่ 1 ของกลุ่มอายุด้วย เนื่องจากวันนั้นมีผู้หญิงลงระยะมินิกันน้อยมาก (ถ้าเป็นทัวร์นาเม้นต์กลางๆ เวลาระดับนี้ลุ้นได้แค่ที่ 4-5 ค่ะ ^ ^) ที่สำคัญ ได้รับถ้วยกับต๊อก ศุภกรณ์ ดาราในดวงใจด้วยแหละ (พี่แผน จากมนต์รักทรานซิสเตอร์ไงคะ หนังเรื่องนี้สุดยอดจริงๆ หามาดูให้ได้นะคะ)




10K = 53m:20s 



2 comments:

  1. HappY NeW YeaR 2012 นะครับ
    ขอให้มี ความสุขกับการวิ่งนะครับ
    อย่าหักโหมนะ เดี๋ยวจะเจ็บไม่ได้วิ่งกันพอดี....555
    เข้ามาที่นี่เมื่อไรก็เจอกับความสุข ความมุ่งมั่น ทุกครั้งไป
    อมยิ้มทุกครั้งที่ได้เข้ามาอ่าน (อาจจะไม่ได้เข้ามาบ่อยนัก..อิอิ)
    แต่ก็เป็นกำลังใจให้นะครับ....

    " ณภัทร มลิวัลย์ "

    ReplyDelete
  2. ขอบใจจ้าเบิร์ดสำหรับคำอวยพรปีใหม่และกำลังใจ
    เราก็ทุกข์บ้างเหมือนกัน (อย่างเรื่องเรียนเป็นต้น เฮ้อออออ)
    แต่ก็พยายามหาเรื่องสุขๆหล่อเลี้ยงชีวิตอย่างเรื่องวิ่งนี่แหละ
    อยากสุขแบบเราบ้าง ลองวิ่งดูมั้ย พร้อมเทรนเต็มที่จ้า

    ReplyDelete

*************************************************************************************
ผักกาดๆ ถ้าข้อความไม่ขึ้น นั่นแปลว่า blog คิดว่าข้อความของท่านเป็น spam ไม่ต้องกังวลค่ะ comment เหล่านี้จะตกไปอยู่ที่กล่อง spam รอให้เจ้าของ blog มาตรวจสอบ (ก็คือเรานั่นเอง ^ ^)
*************************************************************************************

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...